
นางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ภาวะการส่งออกในเดือน ก.ค.57 หดตัวลง 0.85% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนมาที่มูลค่า 18,896.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการนำเข้าลดลง 2.86% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนมาที่มูลค่า 19,998.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,102.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
การส่งออกของไทยเดือนกรกฎาคม 2557 กลับมาหดตัวโดยมีปัจจัยหลักมาจากการหดตัวในสินค้าทองคำ และน้ำมัน ตามความต้องการลงทุนสินค้าทองคำในตลาดโลกที่ลดลง และเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ทำให้จีนมีความต้องการใช้น้ำมันลดลง หากนับเฉพาะกลุ่มสินค้าส่งออกหลัก (ไม่รวมทองคำ และน้ำมัน) การส่งออกเดือนกรกฎาคมจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.47
มูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 57 มีมูลค่า 18,896.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 0.85 (YoY) และระยะ7 เดือน (ม.ค. - ก.ค. 57) มีมูลค่า 131,600.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 0.42 (AoA) โดยสินค้าส่งออกหลัก(ไม่รวมสินแร่เชื้อเพลิง และทองคำ) มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 17,766.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวถึงร้อยละ 2.47 (YoY) คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 94.0 ของมูลค่าการส่งออกรวม ขณะที่การส่งออก สินแร่ เชื้อเพลิงและทองคำซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 6.0 ของมูลค่าการส่งออกรวมหดตัวร้อยละ 34.26 ในส่วนของการนำเข้าเดือน ก.ค. 57 มีมูลค่า 19,998.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 2.86 (YoY) และระยะ7 เดือน (ม.ค. - ก.ค. 57) มีมูลค่า 132,466.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 12.49 (AoA) ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศ เดือน ก.ค. 57 ขาดดุลรวม 1,102.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และระยะ7 เดือน (ม.ค. - ก.ค. 57) ขาดดุลรวม 865.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ขณะที่พิจารณามูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินบาท พบว่ามูลค่าการส่งออกเดือน ก.ค. 57 มีมูลค่า 608,640.2 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.20 (YoY) และระยะ7 เดือน (ม.ค. - ก.ค. 57)มีมูลค่า 4,243,037.9 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.40 (AoA) ตามลำดับ ขณะที่การนำเข้าเดือน ก.ค. 57 มีมูลค่า 651,677.4 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.00 (YoY) และระยะ7 เดือน (ม.ค. - ก.ค. 57) มีมูลค่า 4,319,505.0 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 4.88 (AoA) ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือน ก.ค. 57 ขาดดุลรวม 43.037.2 ล้านบาท และระยะ7 เดือน (ม.ค. - ก.ค. 57) ขาดดุลรวม 76,467.1 ล้านบาท
การส่งออกทองคำและน้ำมันหดตัวโดยทองคำหดตัวสูงจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯที่มี แนวโน้มฟื้นตัวทำให้เกิดความวิตกกังวลต่อสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลต่อความต้องการลงทุนทองคำในตลาดโลกลดลง ประกอบกับฐานมูลค่าส่งออกทองคำช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกน้ำมันลดลงเป็นเหตุมาจากตลาดหลักอย่างสิงคโปร์และจีนนำเข้า ลดลงร้อยละ 17.3 และ36.4 ตามลำดับ โดยทั้งสองมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 35 ของมูลค่าการส่งออกน้ำมันรวม ปัจจัยสำคัญมาจากภาคการผลิตในตลาดจีนชะลอตัว รวมทั้งโรงกลั่นน้ำมันในจีนปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นทำให้จีนนำเข้า น้ำมันลดลง
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตร ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 การส่งออกเดือน ก.ค. 57 ในภาพรวมสินค้าส่งออกกลุ่มอุตสาหกรรมขยายตัว ร้อยละ 1.0 (YoY) โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ร้อยละ 3.6) กลุ่มยานพาหนะ และส่วนประกอบ (ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเป็นเดือนที่ 2 ที่ร้อยละ 10.3) รวมทั้งกลุ่มสินค้าเม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอ และกลุ่มสิ่งพิมพ์ กระดาษและบรรจุภัณฑ์ ขยายตัวที่ร้อยละ 10.0, 1.1 และ 3.3 (YoY) ตามลำดับ แม้ว่าภาพรวมการส่งสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว แต่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมบางรายการยังมีการปรับตัวลดลง ได้แก่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 10.9 (YoY) จากการชะลอตัวจากคำสั่งซื้อที่ลดลงในตลาด ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และอินเดีย เนื่องจากผ่านพ้นฤดูร้อนไปแล้ว ส่วนการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าที่หดตัวร้อยละ 5.5 (YoY) เนื่องจากมูลค่าการส่งออกไปยังตลาดที่สำคัญลดลง ได้แก่ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และจีน รวมทั้งสินค้าผลิตภัณฑ์ยางหดตัว 2.0 จากการที่ตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกาหันไปนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันตลาดญี่ปุ่นยังมีการเติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่ สินค้าในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เดือน ก.ค. 57 ขยายตัวที่ร้อยละ 1.4 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม จากการขยายตัวของการส่งออกในหลายสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะ ข้าว ผัก ผลไม้สด แช่แข็งและแปรรูป และไก่สดแช่แข็งและแปรรูปที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งสินค้ากลุ่มอาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูปและน้ำตาล ที่กลับมาขยายตัวเป็นเดือนแรก ในรอบกว่า 17 เดือนและ 7 เดือนตามลำดับ ขณะที่สินค้าส่งออกที่ยังคงหดตัว ได้แก่ ยางพาราหดตัวร้อยละ 23.4 จากปัจจัยราคายางพาราตลาดโลกยังไม่ฟื้นตัวเนื่องจากการขยายตัวของอุปทาน ยางพาราในตลาดโลก ขณะที่อุปสงค์ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร อีกทั้งจีนหันไปนำเข้ายางพาราจากเวียดนามเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังกลับมาหดตัวจากการที่ จีน ประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ของไทย ลดการนำเข้ามันสำปะหลังมันอัดเม็ดและมันเส้นลง เนื่องจากปัญหาเรื่องคุณภาพมันเส้น และวัตถุเจือปน
มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสะสมในช่วง7 เดือนแรก (ม.ค. - ก.ค. 57) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 (AoA) มาจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติก และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบเป็นต้น ขณะที่ สินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างติดลบร้อยละ 18.7 (AoA) จากการลดลงของการส่งออกเหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เป็นสำคัญ เนื่องจากอุปทานเหล็กในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูงจากการสต๊อกเหล็กของจีน และเร่งการระบายเหล็กในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับราคา แร่เหล็กในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาเหล็กยังคงตกต่ำ
สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรสะสมในช่วง 7 เดือนแรกยังคงหดตัว ร้อยละ 4.1 (AoA) เนื่องจากการหดตัวของสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ยางพารา อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป และน้ำตาล สาเหตุสำคัญมาจากราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่การส่งออกข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ภาพรวมยังคงขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากการเร่งระบายข้าว และราคาส่งออกข้าวของไทยต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง รวมทั้งความต้องการมันสำปะหลังในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น
การส่งออกของไทยไปยังตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปขยายตัวเป็นบวก ขณะที่ตลาดสำคัญในเอเชียอย่างจีน และอาเซียนยังหดตัว เดือน ก.ค. 57 กลุ่มตลาดส่งออกหลักของไทยขยายตัวได้ดี ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ขยายตัวร้อยละ 4.5, 3.3 และ 7.3 (YoY) ตามลำดับ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นที่กลับมาขยายตัวเป็นเดือนแรกหลังจากหดตัว 3 เดือนติดต่อกัน ขณะที่จีนและอาเซียนกลับมาหดตัวที่ร้อยละ 1.7 และ 5.2 ตามลำดับ โดยอาเซียนหดตัวมากในกลุ่มอาเซียนเดิม (5) ติดลบถึงร้อยละ 11.5 (YoY) จากการส่งออกที่ลดลงในสินค้าน้ำมันสำเร็จรูป ยางพารา และเคมีภัณฑ์ ในตลาดอินโดนิเซีย มาเลเซียและสิงค์โปร์ แต่ในส่วนการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และ ฟิลิปปินส์ ยังเป็นตลาดที่ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องอยู่ที่ร้อยละ 9.3 และ13.2 (YoY) ตามลำดับ โดยสินค้าสำคัญที่ส่งออกไปกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มขึ้นได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกล เหล็ก และเครื่องดื่ม เป็นต้น
มูลค่าการส่งออกสะสม 7 เดือนแรก ไปยังตลาดสำคัญยังคงขยายตัว โดยเฉพาะสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ขยายตัวร้อยละ 7.8 และ 3.0 (AoA) ตามลำดับ ซึ่งยังคงขยายตัวได้ดีจากการเริ่มขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศของภูมิภาค ทั้งสอง ขณะที่การส่งออกไปยังญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดหลักสำคัญของไทยแห่งหนึ่ง ยังคงติดลบร้อยละ 0.8 (AoA) จากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ และการชะลอการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนภายหลังการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ในส่วนตลาดจีนยังคงติดลบร้อยละ 4.0 (AoA) เนื่องจากนโยบายลดการพึ่งพิงการค้าระหว่างประเทศเมื่อช่วงต้นปี 2557 เช่นเดียวกับ ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ที่หดตัวร้อยละ 2.0และ 6.4 (AoA) ตามลำดับ นอกจากนี้ ตลาดอาเซียน (9) ติดลบเช่นกันที่ร้อยละ 2.9 (AoA) ซึ่งเป็นผลมาจากการหดตัวในตลาดสำคัญ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ขณะที่การส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ยังคงขยายตัวสูงที่ร้อยละ 8.2 (AoA)
การนำเข้าสินค้ายังคงลดลง การนำเข้าเดือน ก.ค. 57 เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. 56 (YoY) ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 2.9 (YoY) เนื่องจากความต้องการบริโภคภายในประเทศ และการส่งออกในช่วงเวลาที่ผ่านมาชะลอตัว รวมทั้งการความต้องการซื้อรถยนต์ในประเทศลดลงจากปีก่อน ภายหลังสิ้นสุดโครงการรถคันแรก ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป สินค้าอุปโภค/บริโภค และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ มีการนำเข้าลดลงร้อยละ 12.1, 3.2 และ23.8 (YoY) ตามลำดับ โดยสินค้านำเข้ากลุ่มวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป หดตัวสูงในสินค้าทองคำ ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้าลดลงถึงร้อยละ 64.5 (YoY) เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกอยู่ในระดับสูงจึงไม่เป็นที่จูงใจให้นักลงทุน ซื้อเพื่อการเก็งกำไร ขณะที่การนำเข้าสินค้ากลุ่มเชื้อเพลิง และสินค้าทุน มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 57.4 รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ ร้อยละ 2.5 ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลให้การนำเข้าเชิงมูลค่าของน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ในส่วนสินค้าทุนที่กลับมาขยายตัวเป็นเดือนแรกของปี 2557 ที่ร้อยละ 6.4 (YoY) เนื่องจากมีการนำเข้าเครื่องบิน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบเพิ่มขึ้นร้อยละ 297.89 อย่างไรก็ดีการนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ในกลุ่มสินค้าทุนยังหดตัว
มูลค่าการนำเข้าสินค้าสะสม 7 เดือนแรก หดตัวร้อยละ 12.5 (AoA) เนื่องมาจากปัจจัยเรื่องการอ่อนค่าของเงินบาททำให้ชะลอการนำเข้าลง และใช้สินค้าในสต๊อกทดแทนการนำเข้า ประกอบการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และความไม่ชัดเจนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ไม่มีการประชุมมาเป็นระยะเวลานานซึ่งส่งผลทำให้การนำเข้าเครื่องจักร เพื่อใช้ประกอบการลงทุนลดลง
การส่งออกของไทยในครึ่งปีหลังส่งสัญญาณการฟื้นตัว จากการที่มูลค่าการส่งออกของไทยปรับตัวดีขึ้น จนกลับมาเป็นบวกในไตรมาสที่ 2 พร้อมกับสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการส่งออกหลักที่การส่งออกสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 รวมทั้งประเทศคู่ค้าหลักกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557 จะกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศภูมิภาคตะวันตกและจีน ซึ่งจะทำให้การส่งออกในภูมิภาคอาเซียนขยายตัว อีกทั้งปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาน้ำมันดิบ ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก และราคาทองคำซึ่งอาจจะทำให้การส่งออกทองคำมีความผันผวนสูง