สมาคมเซลล์แสงอาทิตย์ฯเตรียมยื่นแผนส่งเสริมโซลาร์เซลล์ระยะยาว 21 ปี กับคสช. เน้นการติดตั้งแบบโซลาร์รูฟท็อปตั้งเป้า 2 หมื่นเมกะวัตต์ ยันกระทบกับค่าไฟเพียงเล็กน้อย จากต้นทุนที่มีแนวโน้มลดลง เชื่อช่วยเสริมระบบความมั่นคงได้ ขณะที่ส.อ.ท.เผยเป็นไปได้ยากราคาพลังงานมีความผันผวน อุปกรณ์ในประเทศมีจำกัด เตรียมชงคสช.หาทางออก ด้านกฟผ.ระบุเสียหาย 2 หมื่นล้านต่อปี จากการวางแผนสายส่งผิดพลาด

ศาสตราจารย์ ดร.ดุสิต เครืองาม ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย เปิดเผยว่า สมาคมเตรียมยื่นแผนส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์) ระยะยาว 21 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าระยะยาวปี 2558-2579 (พีดีพี 2015) ต่อพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายในปลายเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจากการประชุมร่วมกันกับสมาชิกกว่า 100 บริษัท ต่างเห็นชอบที่จะให้มีแผนส่งเสริมโซลาร์เซลล์ระยะยาว รวมกำลังการผลิตประมาณ 2 หมื่นเมกะวัตต์ หรือเฉลี่ย 1 พันเมกะวัตต์ต่อปี เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าการส่งเสริมโซลาร์เซลล์จะถูกจำกัด จากการปิดรับซื้อไฟฟ้ามาหลายปีแล้ว
โดยในแผนส่งเสริมโซลาร์เซลล์ดังกล่าว จะเน้นความมั่นคงของโซลาร์เซลล์ระยะยาว และจะทำอย่างไรให้การผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์เป็นพื้นฐานการผลิตไฟฟ้าใน ประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันราคาต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 60 ล้านบาทต่อหน่วย ลดลงกว่า 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่ 70 ล้านบาทต่อหน่วย และในอนาคตจะมีแนวโน้มลดลงอีก
ทั้งนี้ การให้ราคาส่วนเพิ่มรับซื้อไฟฟ้า(แอดเดอร์) โครงการโซลาร์ฟาร์มจะหมดอายุสัญญาภายในปี 2557-2558 ส่วนการให้ราคารับซื้อไฟฟ้าตามต้นจริง(ฟีดอินทาริฟ) ของโครงการติดตั้งโซลาร์บนหลังคาและอาคาร(โซลาร์รูฟท็อป) ก็ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)แล้วในอัตรา 6-6.85 บาทต่อหน่วย จากจำนวนที่รับซื้อ 200 เมกะวัตต์ ดังนั้นตามแผนส่งเสริมระยะยาวฉบับนี้ จะเน้นการขายไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป แต่เป็นรูปแบบของการติดตั้งเพื่อใช้ในบ้านหรืออาคารก่อน ที่เหลือจะขายเข้าระบบ ขณะที่ราคาขายก็ไม่สูงมากนัก จนเป็นภาระต่อค่าเอฟที ซึ่งเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะบูรณาการทุกฝ่าย และช่วยเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศได้และเชื่อว่าจะกระทบต่อค่าเอฟที เป็นระดับสตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น
นายพิชัย ถิ่นสันติสุข ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การที่สมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย ทำแผนส่งเสริมโซลาร์เซลล์ระยะยาว 21 ปี ส่วนตัวแล้วมองว่าอาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากต้นทุนพลังงานทดแทนมีความผันผวนทุกปี ขณะเดียวกันกำลังการผลิตแผงเซลล์จากโรงงานในประเทศไทยมีกำลังการผลิตรวมกัน 3 โรงงาน เพียงกว่า 100 เมกะวัตต์ต่อปีเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะต้องนำเข้าเกือบทั้งหมด
ส่วนการผลักดันนั้น ส.อ.ท.ที่จะเสนอให้ คสช.พิจารณาโครงการโซลาร์เซลล์ที่ยังค้างท่ออยู่ตามแผนส่งเสริมเดิม ซึ่งเป็นโครงการที่ยังไม่มีความคืบหน้ารวมประมาณ 1.5 พันเมกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการโซลาร์ฟาร์มที่ยังไม่คืบหน้า 100 เมกะวัตต์ , โครงการโซลาร์ชุมชนที่คืนรัฐไปแล้ว 800 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องอีก 600-700 เมกะวัตต์ เพราะกว่าโครงการจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี รวมถึงการเสนอปรับปรุงฟีดอินทารีฟของพลังงานทดแทนทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ ลม ก๊าซชีวภาพ ชีวมวลและขยะ คาดว่าจะเสนอได้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวว่า ขณะนี้กฟผ.กำลังประสบปัญหาด้านการบริหารจัดการในการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าทั้ง ประเทศ เนื่องจากปัจจุบันกฟผ.จะสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิง ต่ำก่อน เช่น โรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินและพลังน้ำ หากปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตไม่เพียงพอจะสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนค่า เชื้อเพลิงที่สูงขึ้นมาตามลำดับ
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นทางกฟผ.ไม่สามารถบริหารการลงทุนระบบสายส่งทั่วประเทศให้ สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่ได้ ทำให้ต้องสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงสูงเดินเครื่อง แทน ทำให้แต่ละปีกฟผ.ต้องสูญเสียเงินหรือความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท
โดยเห็นได้จากกรณีภาคใต้ มีปัญหาเรื่องระบบสายส่งมีข้อจำกัด ทำให้ต้องเดินเครื่องจากโรงไฟฟ้าขนอม ซึ่งมีปัญหาเรื่องต้นทุนเชื้อเพลิงสูงถึง 3.50-4 บาท/หน่วย โรงไฟฟ้ากระบี่ ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงถึง 7.50 บาท/หน่วย ขณะที่เขตภาคกลาง มีปัญหาเรื่องข้อจำกัดของระบบสายส่ง ทำให้โรงไฟฟ้าฝั่งตะวันตกไม่สามารถจ่ายไฟไปฝั่งตะวันออกได้ ทำให้ต้องสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าบางปะกง โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโรงไฟฟ้าอีสเทิร์น เพาเวอร์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าเก่า มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเฉลี่ยประมาณ 3 บาท/หน่วย แทนเป็นต้น ซึ่งหากกฟผ.วางแผนการลงทุนสายส่งที่ดีและครอบคลุมปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิด ขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,977 วันที่ 24 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557