สศอ.มั่นใจดัชนีเอ็มพีไอ ช่วงครึ่งปีหลังไปจนถึงปีหน้าปรับตัวสูงขึ้น เหตุความมั่นใจการลงทุนกลับคืน โดย 6 เดือนหลังอัตราการใช้กำลังการผลิตเหนือ 65% ขณะที่ปีหน้าดีดตัวสูงขึ้นอีก เผยอุตสาหกรรมยานยนต์และอาหารสำเร็จรูปยังเป็นพระเอก ลุ้นรัฐเจรจาต่อสัญญาจีเอสพียุโรปที่จะหมดสิ้นปีนี้ หวั่นไทยเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง

นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แนวโน้มผลสำรวจดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ เอ็มพีไอ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เชื่อว่าจะปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตจะอยู่เหนือระดับ 65% เทียบกับช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 59.5% มาจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของไทยดีขึ้น ขณะเดียวกันเริ่มเห็นความชัดเจนการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ทำให้ความเชื่อมั่นใจการลงทุนและการบริโภคกลับคืนมา
อีกทั้ง คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมในปีหน้า ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความชัดเจนการลงทุนโครงการภาครัฐและเอกชน ขณะเดียวกับทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. มีโรดแมปเศรษฐกิจที่ชัดเจนออกมา ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ทำให้ภาคการส่งออกของไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง ดังนั้นเชื่อว่าตัวเลขเอ็มพีไอจะปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยอุตสาหกรรมที่ยังเป็นตัวหลัก คืออุตสาหกรรมยานยนต์ และอาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงรส ผลไม้กระป๋อง จะเป็นสินค้าที่มีการขยายตัวส่งออกมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ สศอ.ก็ยังเป็นห่วงกรณีสัญญาสิทธิพิเศษอัตราภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ที่ทำไว้กับสหภาพยุโรปกำลังจะหมดสิ้นปีนี้ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างดำเนินการ แต่หากกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถต่อสัญญาดังกล่าวได้ ไทยจะต้องเร่งปรับตัวหรือเปลี่ยนสินค้าใหม่ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ โดยหวังว่าภาครัฐจะเร่งเจรจากับทางยุโรป เพื่อต่อสัญญาดังกล่าวออกไปอีก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้การส่งออกของไทยขยับสูงขึ้น
"ปีหน้าเชื่อว่าเอ็มพีไอจะดีกว่าปีนี้แน่นอน เพราะนับตั้งแต่ที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มปกติ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็ทยอยกลับมาด้วย ซึ่งในไตรมาสที่ 3 จะมีออร์เดอร์เข้ามา อาทิ เสื้อผ้า และในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ตัวเลขเอ็มพีไอจะดีมากอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นช่วงส่งมอบสินค้า"
นายสมชาย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ดัชนีเอ็มพีไอในเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา ถือว่ายังติดลบ 6.6% อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 60.61% และหากพิจารณาเป็นไตรมาสจะพบว่าเอ็มพีไอไตรมาสที่2 ของปี 2557 ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยหดตัวลดลง 5% เนื่องจากการผลิตยานยนต์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ และเครื่องปรับอากาศปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม สศอ. เตรียมปรับเป้าหมายดัชนีเอ็มพีไอทั้งปี 2557 ใหม่ จากเดิมช่วงปลาย 2556 ที่ผ่านมาคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5-2% โดยเป้าหมายใหม่คาดว่าจะปรับลงมาต่ำกว่า 1% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศที่มีทิศทางการผลิตลดลง ทั้งนี้การผลิตรถยนต์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีเอ็มพีไอแกว่งตัวได้ มากที่สุด ดังนั้นคงต้องจับตาการผลิตรถยนต์เพื่อประเมินเป้าหมายดัชนีเอ็มพีไอต่อไป แต่หากปรับตัวดีขึ้นก็จะทำให้ดัชนีเอ็มพีไอดีขึ้นด้วยเช่นกัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,971 วันที่ 3 - 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557