
ดร.สมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า การเติบโตภาคอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น เห็นได้จากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. 2557 ขยายตัวไปอยู่ในระดับ 56.6 จุด ซึ่งเป็นค่าดัชนีที่เกิน 50 จุดครั้งแรกนับตั้งแต่กลางปี 2556 หรือในรอบ 12 เดือน
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของหอการค้าไทย ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และดัชนีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล้วนแต่เพิ่มขึ้นทุกตัว ทำให้มั่นใจว่าในครึ่งปีหลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัวสูงกว่าในครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศก็จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ การจ่ายเงินจำนำข้าว การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและงบโครงการก่อสร้างต่างๆ รวมทั้งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทำให้มียอดซื้อจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คาดว่าในปีนี้จีดีพีอุตสาหกรรมจะขยายตัวสูงกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 1.5% ส่วนการส่งออกในสินค้าอุตสาหกรรม สศอ. ยังคงเป้าหมายการขยายตัวไว้ที่ 5%
“แม้ว่าตัวเลขการส่งออกในรอบ 5 เดือนมูลค่าจะติดลบ 1.2% แต่ปริมาณกลับไม่ได้ลดลงเนื่องจากในอุตสาหกรรมหลายตัวของไทยได้ปรับโครงสร้างการส่งออก โดยเฉพาะรถยนต์ที่ได้เปลี่ยนมาเน้นการส่งออกรถยนต์อีโคคาร์ที่มีราคาต่ำกว่ารถยนต์ที่เคยผลิต แต่ถ้าวัดจำนวนการส่งออกมีตัวเลขเพิ่มขึ้น 2% เนื่องจากแนวโน้มโลกต้องการรถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดพลังงานมากกว่ารถยนต์ขนาดใหญ่ ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ไทยก็กำลังปรับตัวจากการส่งออกชิ้นส่วนที่เน้นในเครื่องคอมพิวเตอร์ ไปเป็นชิ้นส่วนเพื่อรองรับแทบเล็ต และสมาร์ทโฟนมากขึ้น” นายสมชาย กล่าว
ส่วนผลกระทบจากมาตรการกดดันจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ในเรื่องแรงงานและการเมืองนั้น มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบเพราะการที่ผู้ซื้อต่างชาติจะเปลี่ยนซัพพลายเออร์ทันทีไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาในระยะหนึ่ง ซึ่งมั่นใจว่าในช่วงเวลานี้ประเทศไทยจะสามารถชี้แจงกับต่างชาติได้ โดยเฉพาะในเรื่องแรงงานที่มีหลักฐานใหม่ๆ ที่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้และจะหลุดจากเทียร์ 3 ของสหรัฐไปสู่เทียร์ 2 ในเร็วๆ นี้