สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

พณ.เผยจีนเปลี่ยนทิศลงทุนอาเซียนมากขึ้นหนุนโอกาส'ไทย'เป็นฮับภูมิภาค
20/06/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

จีนกำลังเปลี่ยนทิศทางการลงทุนสู่อาเซียนมากขึ้น อาจส่งผลให้ไทยจะสามารถก้าวเป็นฮับภูมิภาคเชื่อมโยงเศรษฐกิจอาเซียน-จีน อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

http://www.thanonline.com/images/stories/article2014/2958/ampawan000.jpg

นางอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจีนเริ่มเข้ามามีบทบาทในอาเซียนมากขึ้นและเป็นคู่ค้าอันดับต้นๆ ของทุกประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะ “ประเทศไทย” โดยในปี 2556 การค้าไทย-จีนมีมูลค่า 4.57 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.2 เมื่อเทียบกับ  ปี 2555

เดิมจีนเติบโตจากภายนอก (จากการเกินดุลการค้าและการลงทุนที่ไหลเข้าจีน) แต่ปัจจุบันเน้นการเติบโตแบบยืดหยุ่นและลดเป้าหมายการเติบโตเหลือร้อยละ 7 โดยจะให้ความสำคัญกับการปฏิรูปและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ (การบริโภคและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นภายในประเทศ กลายเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่สำหรับอาเซียน) รวมทั้งให้ความสำคัญกับการเร่งพัฒนาพื้นที่ตอนในและฝั่งตะวันตกของประเทศ อาทิเช่น มหานครฉงชิ่ง ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาเศรษฐกิจและความเจริญในภาคตะวันตก อีกทั้งเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมหนัก เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องจักรกล โดยในปี 2555 การค้าไทย-ฉงชิ่ง มีมูลค่า 981 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวสูงถึง 200% และคาดว่าหลังจากเปิดสะพานมิตรภาพใหม่แห่งที่ 4 แล้ว การค้าอาเซียน-ฉงชิ่ง และการค้าไทย-ฉงชิ่งจะขยายตัวอีกหลายเท่าตัว

นางอัมพวัน พิชาลัย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการค้าการลงทุนแล้ว จีนก็ยังให้ความสำคัญต่อระบบ  โลจิสติกส์และการเชื่อมระบบโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน และรถไฟความเร็วสูง โดยนักลงทุนตั้งเป้าไปที่สีหนุวิลล์ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมและเมืองท่า สำคัญของกัมพูชา แต่ทั้งนี้ สีหนุลิลล์อาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่ของจีนเนื่องจากกัมพูชามี ข้อจำกัดด้านแรงงานที่มีทักษะและยังถูกจัดเป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Least Developed Country: LDC) การปรับตัวเพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศอาจทำได้ช้า จึงน่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับไทยในการพิจารณาจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ชายแดน ไทย-กัมพูชาใกล้คลองลึก จ.ตราด ซึ่งเป็นจุดที่สามารถนำเข้าแรงงานค่าจ้างถูกจากกัมพูชาได้ เพื่อดึงดูดนักลงทุนจีน นอกจากนี้ หากมีการพิจารณาเชื่อมเส้นทางรถไฟกับรถไฟความเร็วสูงของจีน โดยในส่วนของไทยอาจเป็นรถไฟรางคู่ จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการส่งออกสินค้าไปจีน รวมทั้งไป EU ด้วย เนื่องจากจีนเปิดให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถไฟความเร็วสูง ฉงชิ่ง-เบลเยี่ยมแล้ว โดยใช้เวลาในการเดินทางเพียง 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ หากเส้นทางฉงชิ่ง-ชายแดนลาว-จีน เปิดดำเนินการ (ใช้เวลาเดินทาง 2-3 วัน) จะทำให้การค้าอาเซียน-จีน มีความคล่องตัวมากขึ้นอย่างมหาศาล

นอกจากนั้น นางอัมพวัน พิชาลัย กล่าวเสริมว่า สังคมเมืองของจีนและอำนาจซื้อของครัวเรือนจะขยายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อสินค้าไทย อาทิ อิเล็กทรอนิกส์/เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน เครื่องประดับ อาหารแปรรูป และการท่องเที่ยว ดังนั้น การสร้างความใกล้ชิดกับตลาดจีนที่กำลังเติบโตจะสร้างโอกาสให้ไทยอย่างมาก

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.