ธนาคารโลก หั่นเป้าเศรษฐกิจไทยน้อยกว่าคาด หลังจาก คสช. เข้ากุมอำนาจ ปรับลดคาดการณ์เหลือ 2.5% ขณะที่ปีหน้าโต 4.5%

ธนาคารโลก ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัว 2.5% แต่น้อยกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงแรกที่คาดว่าจะปรับลดเหลือ 2.0% เนื่องจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนเริ่มฟื้นตัว
ทั้งนี้ธนาคารโลก ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงเหลือ 2.5% จากเดิมเคยให้ไว้ 3% ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นการปรับลงเรื่อยๆ จากระดับ 4% ในเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ประเมินว่าหากไม่มีการเปลี่ยนทางการเมืองและสถานการณ์ไม่มีอะไรดีขึ้น ธนาคารโลกเตรียมจะปรับลดจีดีพีไทยลงเหลือเพียง 2%
การคาดการณ์ในครั้งก่อนที่ระดับ 3% เกิดขึ้นก่อนมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปลายเดือน พ.ค. ในเวลาที่สถานการณ์เศรษฐกิจทุกอย่างดูแล้วเป็นขาลงตั้งแต่เดือน เม.ย. โดยตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกออกมาน้อยกว่าคาดไว้ และความมั่นใจของผู้บริโภคกับนักลงทุนลดลงอย่างมาก โดยส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่าการขอการส่งเสริมการลงทุนบีโอไอไม่สามารถอนุมัติได้ในปีนี้
มาตรการคสช.ดันเศรษฐกิจไม่มาก
ทั้งนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการเมืองวันที่ 22 พ.ค. ภายในประเทศอยู่ในอาการงงๆ และตกใจ จนสถานการณ์ดูเป็นขาลง แต่หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามา ทำให้ตอนนี้ดีขึ้น มีเงินในโครงการรับจำนำข้าวออกมาบางส่วน 4 หมื่นล้านบาท จาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ กระทรวงการคลัง ให้กู้จากธนาคารออมสินอีก ทั้งหมดอย่างน้อย 0.8% ของจีดีพี ก็ถือว่ามาก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
การบริโภคที่คาดว่าจะมาจากชาวนา เมื่อได้รับเงินจำนำข้าวสามารถบริโภคได้ แต่หนี้ภาคครัวเรือนสูงทำให้ผู้คนอาจไม่มีอำนาจกู้เงินเพิ่มมาบริโภคได้มาก ความมั่นใจผู้บริโภคขึ้นก็จริงจากระดับ 55 ไปที่ 70 แต่ยังต่ำกว่าเกณฑ์ดัชนีที่ระดับ 100 ถือว่ากระเตื้องขึ้นแต่ปรับขึ้นไม่มาก ส่วนการลงทุนของบีโอไอแม้อนุมัติสร้างความมั่นใจได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าจะลงทุนได้เลย ต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะขยายโรงงาน แต่ถือว่าสร้างความมั่นใจได้
"นักลงทุนต้องมองภาวะเศรษฐกิจกับดีมานด์เป็นหลัก ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจเช่นนี้ แม้ว่ามี คสช.แล้วถึงมีการเบิกจ่ายก็ไปเปลี่ยนแปลงพื้นฐานเศรษฐกิจได้ไม่มาก จึงไม่ได้ปรับขึ้นให้จีดีพีไทยโตถึง 3% หรือ 4% ธนาคารโลกจึงให้จีดีพีไทยปีนี้ไว้ที่ 2.5% เพราะการบริโภคและการลงทุนอาจไม่ได้เติบโตมากมายอะไรในปีนี้ และจีดีพีไตรมาสแรกออกมาน้อยกว่าคาดไว้ จึงปรับเพิ่มตัวเลขในการลดคาดการณ์จีดีพีไทยใหม่เป็น 2.5% " รายงานระบุ
คาดปีหน้าขยายตัว 4.5%
ในปีหน้า ธนาคารโลกยังคงให้คาดการณ์จีดีพีไทยขยายตัว 4.5% ซึ่งเป็นการโตจากฐานต่ำในปีนี้ โดยการคงประมาณการเดิมไว้ เนื่องจากการประเมินในแง่ดีว่าเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวต่อเนื่อง และไทยสามารถไปทันตามการส่งออกของโลก และน่าจะได้การลงทุนของภาครัฐกับเอกชนช่วย
นอกจากนี้ การลงทุนเอกชนที่ได้รับอนุมัติจากกรมส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้ แต่การบริโภคครัวเรือนจะโตช้าเพราะหนี้ครัวเรือนอยู่ระดับสูงและ ผู้คนใช้จ่ายไม่ได้มาก
เศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยเสี่ยง
สำหรับ ปัจจัยลบหรือความเสี่ยงที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทย ธนาคารโลกระบุว่าน่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้มากน้อยเพียงใด ตอนนี้ถึงแม้ปรับลดจีดีพีโลกเหลือ 2.8% แต่ถือว่าเป็นระดับที่ดีกว่า 2-3 ปีก่อนซึ่งเกิดวิกฤติซับไพร์ม จึงขึ้นอยู่กับไทยว่าจะตอบสนองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกได้ขนาดไหน หรือ เศรษฐกิจโลกฟื้นแล้วไทยจะโตตามได้หรือไม่ เพราะดูประเทศเทศสามารถฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก "ส่งออกของประเทศอื่นโต แต่ของไทยยังเป็นศูนย์หรือติดลบ สะท้อนว่าไทยไม่สนองตอบความต้องการตลาดโลกหรือเปล่า หรือขีดแข่งขันของไทยมีปัญหาหรือไม่"
ส่วนความเสี่ยงภายในประเทศ คงเป็นความรุนแรง ถ้าเกิดการรักษาความสงบตอนนี้เอาไม่อยู่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จะทำให้ผู้บริโภคกับนักลงทุนไม่มั่นใจ ไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยได้ แต่ความเสี่ยงจากการเบิกจ่ายงบประมาณไม่น่าจะมี ถ้าเป็นรัฐบาลทหารชุดปัจจุบันน่าจะทำได้เร็ว ขณะที่ภัยจากธรรมชาติใส่ไว้ว่าเป็นความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก
ธนาคารโลก ลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ด้วยเหตุผลว่าวิกฤติยูเครน สภาพอากาศที่หนาวจัดในสหรัฐ และความขัดแย้งทางการเมืองในหลายประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ทำให้แนวโน้มการเติบโตลดลง รวมถึงความพยายามสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจของจีนด้วย
ธนาคารโลก คาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้ จะเติบโต 2.8% ลดลงจากคาดการณ์เมื่อเดือนม.ค. ที่ 3.2% ส่วนประเทศกำลังพัฒนาจะเติบโต 4.8% ลดลงจาก 5.3% นายจิม ยังคิม ประธานธนาคารโลก กล่าวว่า ประเทศต่างๆ ต้องลงทุนมากขึ้นและปฏิรูปโครงสร้างในประเทศเพื่อส่งเสริมการเติบโตให้ขึ้นสู่ระดับที่จำเป็นส่วนประเทศอุตสาหกรรมนั้น ธนาคารโลกคาดว่าจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 1.9% ปีนี้ ลดลงจาก 2.2% เมื่อคาดการณ์เดือนม.ค. สำหรับเขตยูโรโซนคาดว่าจะขยายตัว 1.1% หรือไม่เปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์เดิม
ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโต 1.2% ปีนี้ ลดลงจาก 2.8% ในการคาดหมายครั้งก่อนในภาพรวม ธนาคารโลกพบว่าเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ดีขึ้น อีกทั้งสภาพทางการเงินในโลกก็ดำเนินไปด้วยดี แต่ก็ชะล่าใจไม่ได้และต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลาเผื่อเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหม่