สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

สสว. งัด 8 โครงการช่วย SMEs ทั่วประเทศ ทั้งด้านการเงิน-การตลาด
04/06/2014
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล

สสว. ประสานความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เตรียมออกมาตรการช่วย SMEs ทั้งด้านการเงิน การตลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ ด้วย 8 โครงการใหญ่ วงเงินกว่า 12,700 ล้านบาท หวังช่วยผู้ประกอบการ SMEs - OTOP และวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศกว่า 2.8 ล้านราย ให้ได้ประโยชน์ไม่น้อยกว่า 12 ล้านคน

http://www.thanonline.com/images/stories/article2014/2953/aaaa002.JPG

นายปฏิมา จีระแพทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากบทบาทภารกิจของ สสว. ในการเป็นผู้นำในการกำหนดนโยบายและเสนอแนะมาตรการเกี่ยวกับการช่วยเหลือ แก้ไขเหตุวิกฤติ รวมทั้งป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นกับ SMEs ต่อรัฐบาล และเป็นศูนย์กลางประสานระบบการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการส่ง เสริม SMEs ของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา สสว. ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในด้านการติดตามสถานการณ์ SMEs รวมทั้งแนวทางการส่งเสริม สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่แต่ละหน่วยงานดำเนินการ โดยที่ผ่านมา สสว. ได้นำร่องการออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยการช่วยเหลือด้านการเงิน การตลาด และการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ โดยเฉพาะมาตรการเร่งด่วนทางการเงิน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ ติดต่อขอรับความช่วยเหลือไปที่สถาบันการเงินที่ร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก และได้รับความช่วยเหลือให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี

“จากการติดตามและศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบทางการเมืองต่อผู้ประกอบการ SMEs ซึ่ง สสว. ดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม  ที่ผ่านมา พบว่า สถานการณ์ของ SMEs ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย และมีแนวโน้มที่จะลดความกดดันทางเศรษฐกิจในระยะสั้น และการพิจารณาทบทวนการลงทุนโครงการพื้นฐานของภาครัฐ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคและนักลงทุนได้” ผอ.สสว. กล่าว

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ SMEs มีศักยภาพในการดำเนินกิจการเพิ่มขึ้นในสถานการณ์ปัจจุบัน สสว. จึงได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทั้งในด้านการเงิน การตลาด และการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเสริมสภาพคล่อง ส่งเสริมช่องทางการตลาด และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในด้านต่างๆ  ประกอบด้วย 8 โครงการ วงเงินงบประมาณ 12,783.70 ล้านบาท ได้แก่

1. โครงการการชดเชยค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อบรรษัทค้ำประกันสินเชื่อ อุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเสริมสภาพคล่องโดยการลดค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน สินเชื่อ บสย. ในอัตราร้อยละ 1.75 ในปีแรก ให้กับผู้ประกอบการจำนวน 5,000 ราย วงเงินงบประมาณ 262.8 ล้านบาท

2. โครงการ SMEs Restart เพื่อเสริมสภาพคล่องและลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจ่ายธนาคาร โดยร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ SMEs ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี วงเงิน 1 ล้านบาทต่อราย จำนวน 10,000 ราย เป็นเวลา 3 ปี วงเงินงบประมาณ 800 ล้านบาท

3. การลงทุนในธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อย (Micro Credit) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยไม่ต้องมีหลัก ทรัพย์ค้ำประกันและมีอัตราดอกเบี้ยไม่สูงเกินไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการอนุญาตให้นิติบุคคลดำเนินธุรกิจ ให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นรายย่อย

4. โครงการเชื่อมโยงการตลาด SMEs อย่างยั่งยืน (SMEs Marketing Connect) ซึ่ง สสว. บูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งหน่วยร่วมที่ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ สสว. โดยมุ่งให้การส่งเสริมช่องทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการ SMEs กลุ่ม High Growth และ High Impact จำนวน 500 ราย ประกอบด้วย 1.ช่องทางการตลาดผ่าน Modern Trade และ 2.ช่องทางการตลาด “SME@Click” โดยจัดทำ Digital Content เพื่อรองรับช่องทางการตลาด Online ได้แก่ TV Shop Channel / Smartphone Shopping และ E-Marketplace วงเงินงบประมาณ 95 ล้านบาท

5. โครงการส่งเสริมธุรกิจบริการเพื่อสุขภาพให้เป็นศูนย์กลางของอาเซียน (ASEAN Hub of Wellness) และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงสาธารณสุข สมาคมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมบริการเพื่อสุขภาพ ให้เกิดการรวมกลุ่มเครือข่ายธุรกิจทั้งภายในประเทศและระหว่างประทศในอาเซียน โดยจัดทำมาตรฐานสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของอาเซียน ศึกษาวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาดเพื่อเสริมรายได้ ระยะเวลา 3 ปี วงเงินงบประมาณ 250 ล้านบาทต่อปี

6. โครงการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs เพื่อการค้าชายแดน โดยร่วมกับ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมถึงจังหวัดที่มีด่านการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนและผู้ที่ดำเนินธุรกิจส่งออก กับประเทศเพื่อบ้าน ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น เสริมสร้างเครือข่าย จัดทำฐานข้อมูล และจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ โดยส่งเสริมผู้ประกอบการเป็นเวลา 3 ปี รวม 4,500 ราย (1,500 รายต่อปี) และพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าชายแดน 5 จุด โดยใช้งบประมาณ 225 ล้านบาท

7. โครงการสนับสนุนการปรับปรุง/ฟื้นฟู เครื่องจักร ให้แก่ SMEs (Machine Fund) เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ SMEs ที่มีการพัฒนา ปรับปรุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรการผลิต โดยการชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการจำนวน 1,000 ราย ในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี วงเงินสนับสนุนไม่เกิน 3.5 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลา 3 ปี วงเงินงบประมาณ 3,100 ล้านบาท

8. โครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบและวิจัยพัฒนายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1.7 ล้านล้านบาท และมีผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตเป็นจำนวนมาก โดยร่วมกับ สถาบันยานยนต์ และสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อจัดตั้งศูนย์ทดสอบและวิจัยพัฒนายานยนต์ รวมทั้งจัดทำสนามทดสอบการจำลองสถานการณ์การขับขี่เพื่อประเมินสมรรถนะสำหรับ ทดสอบรองรับมาตรฐานในประเทศและมาตรฐานแนบท้าย ASEAN MRA รวมถึงด้านการวิจัย โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี วงเงินงบประมาณ 8,050.9 ล้านบาท

“โครงการภายใต้มาตรการความช่วยเหลือนี้ มีทั้งโครงการที่ สสว. สามารถดำเนินการได้เองภายหลังได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการส่งเสริม SMEs และโครงการที่ สสว. เห็นควรผลักดันให้มีการดำเนินการเพราะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ซึ่งเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวหากได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารประเทศ จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งระบบที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 2.8 ล้านราย ได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 12 ล้านคน โดยสามารถดำเนินกิจการได้อย่างเข้มแข็ง ใช้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในที่สุด” ผอ.สสว. กล่าว
  

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.