เอกชน นักวิชาการ หนุนประกาศกฎอัยการศึก เชื่อลดอุณหภูมิการเมืองคลี่คลาย “จรัมพร” แนะนักลงทุนอย่าตกใจ คาดไม่รุนแรง ด้าน สอท.ชี้ช่วยแก้ปัญหาระยะสั้น ขณะที่สั่งทูตพาณิชย์ 64 แห่งแจงต่างชาติไทยพร้อมประเมินภาพรวมส่งออก ย้ำส่วนใหญ่มองไม่กระทบการค้า-การลงทุน หอการค้าไทยแนะมีความชัดเจนภายใน 1 สัปดาห์

หอการค้าเชื่อกฎอัยการศึกหนุนจีดีพี
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การที่กองทัพประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้นเพื่อเป็นการช่วยป้องกันเหตุการณ์ที่ อาจจะเกิดความรุนแรง จากการชุมนุมของผู้ชุมนุมทั้งฝ่าย กปปส.และ นปช. รวมถึงความรุนแรงที่อาจจะเกิดจากผู้ที่จะสร้างสถานการณ์ ซึ่งถ้าหากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นก็จะมีผลทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 อาจจะถึงขั้นติดลบเล็กน้อย โดยสถานการณ์ทางการเมืองยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ว่าปัญหาจะคลี่คลายลงในลักษณะใด
ทั้งนี้ แม้จะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก แต่ศูนย์พยากรณ์ฯ ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 จะกลับมาขยายตัวอยู่ที่ 0-1% ซึ่งยังต้องติดตามดูสถานการณ์ว่าการเมืองจะคลี่คลายอย่างไร และต่อจากนี้ไปภาพของการเมืองเริ่มจะชัดเจนขึ้นแล้วว่าจะเดินไปทางไหน การที่ทหารออกมาอย่างนี้ในช่วงสั้นอาจจะมีผลกระทบต่อหุ้นไทยและค่าเงินบาท บ้าง โดยความจริงแล้วเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ไม่ควรที่จะติดลบ
แนะมีคำตอบชัดเจน 1 สัปดาห์
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุถึงกรณีที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเดินหน้าใกล้ถึงทางตัน และอาจเกิดความรุนแรงจากการเผชิญหน้าของคู่ขัดแย้ง ทั้ง กปปส.และ นปช. ซึ่งภายใน 1 สัปดาห์นี้ควรจะมีคำตอบที่ชัดเจนว่าประเทศจะเดินไปอย่างไร เพราะขณะนี้ทหารมีอำนาจในการเรียกผู้เกี่ยวข้องไปหารือเชื่อว่าอาจจะนำมา ซึ่งทางออก ซึ่งอาจมีหลายแนวทาง เช่น การตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิรูปร่วมกันหรือแนวทางอื่นๆ รัฐบาลรักษาการอาจไม่ต้องลาออก แต่ให้ยุติการปฏิบัติงาน แต่ในส่วนของนายกฯ คนกลางนั้น เชื่อว่าทำได้ยาก และเป็นเรื่องที่อ่อนไหว
สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจนั้น เชื่อว่าวันนี้อาจมีผลต่อตลาดหุ้น ส่วนผลกระทบด้านอื่นๆ เชื่อว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบไปมากกว่านี้ หากสถานการณ์คลี่คลายเร็วจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ
“จรัมพร” แนะนักลงทุนอย่าตกใจ
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหุ้นไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า จากกรณีประกาศกฎอัยการศึกของ ผบ.เหล่าทัพ เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนบ้างโดยในช่วงแรกทันทีที่เปิด ตลาดเกิดแรงเทขายจำนวนมาก โดยดัชนี SET INDEX ปรับตัวลดลงไปกว่า 20 จุด ซึ่งตลาดหุ้นเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จะเกิดความผันผวนต่อตลาดหุ้น แม้จะต่างกรรมต่างวาระกัน ซึ่งขณะนี้สัดส่วนของนักลงทุนเปรียบเทียบกับสมัยก่อนมีจำนวนที่ต่างกันมาก เพราะมีจำนวนนักลงทุนรายย่อยเข้ามามากขึ้น ส่วนมุมมองของนักลงทุนต่างชาตินั้นอาจจะไม่เหมือนเดิม ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าดัชนีหุ้นจะติดลบไปกว่า 20 จุด แต่ก็ไม่ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนมากนัก ซึ่งนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนก็ได้ส่วนลดจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นไปใน ระดับนึงแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน ตลาดหุ้นไทยสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุน โดยมีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาสุทธิแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท หากเทียบกับปีที่แล้วที่เกิดวิกฤติการเมืองในช่วงแรก เงินไหลออกไปประมาณ 200,000 ล้านบาท
ผู้จัดการตลาดหุ้นเตือนอย่าตระหนก
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การประกาศกฎอัยการศึกของทหารนั้น ไม่ได้เหนือความคาดหมายของตลาดหุ้นและนักลงทุน ซึ่งการที่ประกาศกฎอัยการศึกทำให้ทหารเข้ามาดูแลความเรียบร้อย คลายความกังวลกระแสการชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย ที่อาจมีความรุนแรง ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้นักลงทุนไม่ควรผลีผลามและพิจารณาอย่างถี่ ถ้วน เพราะยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีทั้งการชุมนุมของทั้งสองฝั่งที่มีความคิด แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์คลี่คลายไปได้ด้วยดีและเหตุการณ์ยุติ เชื่อว่าดัชนีหุ้นจะฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลังได้
เงินบาทอ่อน-ตลาดหุ้นร่วง
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส (ASP) กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (20 พ.ค.) ที่ระดับ 32.64-32.66 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ (19 พ.ค.) ที่ปิดตลาดระดับ 32.44-32.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังมีการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งเป็นการอ่อนค่าสวนทางภูมิภาค หลังผู้บัญชาการทหารบกประกาศใช้กฎอัยการศึกดูแลสถานการณ์บ้านเมือง ต่างชาติซื้อเงินบาทเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อคืน แต่ตอนนี้เริ่มมีขายออกมาบ้าง ตอนนี้เงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 32.55-32.56 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ รอความชัดเจนการเมือง
ทูตพาณิชย์เชื่อต่างชาติเข้าใจ
นายไผท สุขสมหมาย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า การประกาศกฎอัยการศึกในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมานั้น คนญี่ปุ่นมองว่าจะส่งผลดีต่อประเทศไทย เพราะจะช่วยให้สถานการณ์ทางการเมืองของไทยคลี่คลายไปในทางที่ดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางมาเจรจาการค้าของนักลงทุนญี่ปุ่น รวมถึงนักท่องเที่ยวเพียงระยะสั้น แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดส่งสินค้า และเชื่อว่าจะไม่รุนแรงจนถึงขั้นปฏิวัติ เพราะเชื่อว่าคนไทยจะประนีประนอมกันได้
ด้านนางพิไล ศิริพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำนครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ที่ผ่านมาสหรัฐเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองไทย ซึ่งการเดินทางมาประชุมทูตพาณิชย์ครั้งนี้มีการเชิญนักลงทุนรายใหญ่จากสหรัฐ มาร่วมในงานไทยเฟท (Thaifex world of food asia 2014) วันที่ 21 พ.ค.นี้ด้วย และเชื่อว่าการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐทั้งปีจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้ง ไว้ 3%
ส่วนช่วงบ่ายวันนี้ที่กระทรวงพาณิชย์จะหารือร่วมระหว่างทูตพาณิชย์ 64 แห่งทั่วโลกกับหน่วยงานภาคเอกชน เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกร่วมกัน และหาแนวทางในการผลักดันการส่งออกของไทยปีนี้นั้น
นางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ทำหนังสือแจ้งยกเลิกการเชิญภาคเอกชนเข้าร่วมหารือแล้ว เพื่อความสะดวกของภาคเอกชนในการเดินทาง หลังมีการประกาศกฎอัยการศึก เพื่อรักษาความเรียบร้อยในบ้านเมือง ซึ่งการประชุมจะเป็นเพียงการประชุมภายในของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธาน ซึ่งจะยังไม่สามารถปรับเป้าหมายการส่งออกของประเทศได้ แต่จะมีการกำหนดเป้าหมายรายตลาดแต่ละภูมิภาคและรอความเห็นของภาคเอกชนอีก ครั้ง
ส.อ.ท.ชี้ช่วยการเมืองคลี่คลาย
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย แต่กังวลการไปสู่ความรุนแรงและปะทะกันทำให้เศรษฐกิจยิ่งดำดิ่งยากที่จะกู้ กลับมา และภาพลักษณ์ประเทศจะเสียหายทันที ดังนั้น การประกาศกฎอัยการศึกถือเป็นมาตรการที่ฝ่ายความมั่นคงประเมินแล้วว่าอาจเกิด การปะทะหรือความรุนแรง จึงยับยั้งสถานการณ์ไว้ก่อน ซึ่งส่งผลกระทบแน่นอนกับบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะกฎอัยการศึกคล้ายกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้บริษัททัวร์ต่างชาติระมัดระวังและไม่กล้าเดินทางเข้าประเทศไทย
ทั้งนี้ การมีทหารมาควบคุมเบื้องต้นอาจทำให้การใช้ชีวิตมีปัญหา แต่หลังประกาศกฎอัยการศึกทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง เป็นตัวชี้ที่สะท้อนว่าต่างชาติกังวลกับสถานการณ์ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบ ซึ่งภาคเอกชนและต่างชาติจะจับตาดูว่าหลังใช้กฎอัยการศึกจะมีการประกาศ มาตรการใดตามมา อย่างไรก็ตามภาคธุรกิจประกาศตลอดเวลาว่าต้องการให้สถานการณ์การเมืองกลับสู่ ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีปิดกิจการล้มหายตายจากจำนวนมาก เชื่อว่ากฎอัยการศึกจะทำให้สถานการณ์คลี่คลาย จากการที่ทหารเข้ามาควบคุมไม่ให้เกิดการปะทะและกลับสู่โหมดการเจรจากัน
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่ทหารประกาศใช้กฎอัยการศึก ว่า การดำเนินการของทหารครั้งนี้เพื่อต้องการรักษาความสงบของบ้านเมือง และเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองปะทะกันรุนแรงไม่ให้เกิดการ สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากการข่าวด้านความมั่นคงพบสัญญาณว่ากลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองไม่อาจ ตกลงร่วมมือกันได้ ทั้งฝ่ายรัฐบาลกับกลุ่ม กปปส. สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีความพยายามที่จะหาทางออก จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะพิจารณารักษาความสงบเรียบร้อยบ้าน เมืองเอาไว้
กฟผ. เชื่อการเมืองส่อเค้าดีขึ้น
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของไทยครั้งนี้มีแนวโน้มค่อนข้างดี ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนและต่างชาติเฝ้ารอ หากการเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยดีจะทำให้ความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าภาพรวมทั้ง ประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กฟผ. ประเมินภาพรวมการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศปีนี้เติบโต 4% แต่ปรับลดลงในช่วงเดือนพฤษภาคม เหลือ 2% หากการเมืองราบรื่นเชื่อว่าปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น สำหรับช่วงนี้การใช้ไฟฟ้าลดลง เพราะ กฟผ.สามารถเลือกโรงไฟฟ้าต้นทุนต่ำป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ ส่วนกำลังการผลิตที่เหลือจะไม่เป็นภาระต่อต้นทุนไฟฟ้าผันแปรให้ต้องเพิ่ม ขึ้นแต่อย่างใด เพราะหลายโรงไม่มีต้นทุนส่วนนี้แล้ว ส่วนกรณีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดจีดีพีปีนี้ลง และมองว่าเป็นไปได้ที่จะติดลบนั้น กฟผ.จะจับตาดูสถานการณ์ แต่พลังงานไฟฟ้ามีเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการใช้
สรท.เรียกความเชื่อมั่นต่างชาติ
นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าผลลบ เพราะเป็นเจตนารมณ์ที่ดีของฝ่ายความมั่นคงที่ได้ออกมาเพื่อเป็นการป้องกัน สถานการณ์ทางการเมืองไม่ให้ลุกลาม หรือ มีเหตุการณ์จลาจล ความวุ่นวายใดๆ และจะช่วยให้สถานการณ์การเมืองคลี่คลายลง ซึ่งจากนี้ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการสื่อสารและการดำเนินการ ว่าจะทำให้เกิดบรรยากาศการหาทางออกให้ประเทศได้เร็วที่สุดอย่างไร เพื่อให้เกิดทิศทางที่ดีต่อสังคม และเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าหากมีทางออกข้อยุติจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา และประเทศจะเดินหน้าฟื้นตัวได้ดีและเร็วขึ้น รวมถึงควรประสานงานกับรัฐบาล เอกชน สถานทูตต่างๆ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจถึงเจตนารมณ์ และแนวทางในการประกาศกฎอัยการศึกดังกล่าว ว่าเป็นไปเพราะไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่เพื่อเป็นการป้องกันและหาทางออก
ภาคอสังหาฯ หวังการเมืองจบเร็ว
นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์คาดหวังว่าการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้จะสร้างความเชื่อ มั่นให้นักลงทุนและผู้ประกอบการได้ว่า สถานการณ์การเมืองจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเร็วๆ นี้ ซึ่งผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์จะต้องติดตามสถานการณ์การเมืองในช่วงต่อ ไป ว่าจะคลี่คลายหรือรุนแรงมากขึ้น ก่อนตัดสินใจทำธุรกิจในอนาคต แต่ก็หวังว่าการเมืองจะจบโดยเร็ว ทั้งนี้ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ยังคงพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ 8 โครงการ ซึ่งเมื่อการเมืองจบและภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ก็พร้อมเปิดตัวโครงการทันที
ส่วนการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะขยายตัวเพียงประมาณ 5% เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนที่ชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงการเมืองไม่ แน่นอน ซึ่งส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวตาม
นางเกษรา กล่าวว่า การที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวกระทบต่อรายได้ของลูกค้าลดลง ทำให้มีจำนวนลูกค้าที่ถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นจากประมาณ 5-6% เป็นประมาณ 10% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระมัดระวังเรื่องการรับจอง ด้วย
วันที่ 21/05/2557 เวลา 8:20 น.