สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

เจาะมุมมองนักเศรษฐศาสตร์กับการปฏิรูป
19/05/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

ภายหลังจากการประชุมสภาผู้แทนประชาชนชุดที่ 12 ครั้งที่ 2 ได้เสร็จสิ้นลง นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล ประจำปี 2556 และมอบหมายนโยบายการดำเนินงานสำหรับปี 2557 โดยในประเด็นสำคัญทางด้านเศรษฐกิจสรุปได้ดังนี้

รัฐบาลตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 7.5%

ข้อคิดสำหรับประชาชน ร่วมหาทางออกให้ประเทศ

และมีมาตรการป้องกันภาวะเงินเฟ้อไม่ให้เกินเพดาน 3.5% พร้อมกันนั้นจะสร้างระบบปฏิรูปทางเศรษฐกิจใหม่ที่เปิดเสรี มีการปฏิรูปด้านการเงินและการจัดเก็บภาษี และส่งเสริมการพัฒนาความเป็นอยู่ในจีน

ทั้งนี้ ในการประกาศนโยบายดังกล่าว ได้มีเสียงสะท้อนจากนักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ทั้งในจีนและต่างประเทศ โดยมีมุมมองทั้งที่เป็นสัญญาณที่ดี และที่แสดงความเป็นห่วงในเศรษฐกิจจีนในภาพรวม ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC) ณ กรุงปักกิ่ง ได้ประมวลเสียงสะท้อนจากนักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ดังกล่าวเอาไว้ดังนี้

++ การปฏิรูปช่วยปรับสมดุลทางเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์มองว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนจะเป็นการช่วยปรับสมดุลทางเศรษฐกิจ จากการมุ่งเน้นด้านการลงทุนและการเพิ่มภาคการบริโภค ซึ่งการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพราะจีนเป็นประเทศกำลัง พัฒนา รวมไปถึงการสร้างการบริโภคและให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจ


 ++หนี้รัฐบาลท้องถิ่นอีกหนึ่งประเด็นร้อนทางเศรษฐกิจ
อีกมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความกังวลกับการก้าวกระโดดของเศรษฐกิจจีน นั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 17.9 พันล้านหยวน (2.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งถ้าหนี้ยังคงสูงขึ้นอาจจะทำให้เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจได้ และอาจจะส่งผลกระทบกับภาคธนาคาร ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์บางคนมองว่าการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการ ขนาดใหญ่อื่นๆ ของจีนอาจจะเป็นการสร้างหนี้ให้เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเปรียบเทียบกับภาคการลงทุนของจีนซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 49% ของ GDP เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาที่มีเพียง 19% อังกฤษ 15%  เยอรมนี 17% และฝรั่งเศส 20%  ในขณะที่ภาคการบริโภคมีสัดส่วนเพียง 36% เมื่อเทียบกับสหรัฐฯและประเทศในยุโรปอื่นๆ ที่สูงถึง 65-70% จากตัวเลขดังกล่าวทำให้นักเศรษฐศาสตร์แสดงความกังวลว่า ความไม่สมดุลของสัดส่วนทางเศรษฐกิจของจีนอาจจะทำให้เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ ได้ แต่ทั้งนี้ รัฐบาลกลางของจีนสามารถกำหนดและควบคุมทิศทางของเศรษฐกิจจีนได้ในแบบที่ ประเทศอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ จึงอาจกล่าวได้ว่า เศรษฐกิจจีนมีความแตกต่างจากเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ เพราะมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วภายในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา และเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ยังต้องการภาคการลงทุนสูง

++หากเปรียบเทียบกับญี่ปุ่น
เมื่อวิเคราะห์เศรษฐกิจจีนกับญี่ปุ่นพบว่ามีความแตกต่างกัน เพราะญี่ปุ่นเคยมีประสบการณ์การเติบโตเข้าใกล้ 0% ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 และญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่จีนเป็นประเทศกำลังพัฒนา มีเศรษฐกิจที่มีภาคการลงทุนสูงและยังถือว่าไม่สมดุล ดังนั้น ควรมีการปฏิรูปให้มีการเพิ่มภาคการบริโภคมากขึ้นและเน้นให้ภาคเอกชนเข้ามามี บทบาทในเศรษฐกิจมากขึ้น

 ++การเติบโตของเศรษฐกิจจะยั่งยืนหรือไม่?
เศรษฐกิจจีนจะเติบโตอย่างยั่งยืนหรือไม่นั้น ตามความเห็นนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนถึงยุคที่ต้องมีการปฏิรูป แต่จีนยังต้องเผชิญกับประเด็นท้าทายมากมาย เช่น ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น เงินหยวนแข็งค่าขึ้น ในขณะที่จีนเพิ่มการลงทุนโดยเฉพาะทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการเพิ่มการลงทุนดังกล่าวสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น ทั้งนี้ มีกลุ่มนักลงทุนจำนวนมากมุ่งประกอบธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นและ เกิด Shadow banking ซึ่งอาจเกิดความเสี่ยงและอาจจะกระทบกับความคาดหวังในระยะยาวของนักธุรกิจที่ ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้


 ++ความท้าทายของการปฏิรูป
นโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนนั้นมีความท้าทายเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ อยู่ที่การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจว่าจะมีความต่อเนื่องและเป็นไปในทิศทางใด ทั้งนี้ รัฐบาลจีนสามารถปฏิรูปเศรษฐกิจได้แต่ควรรักษาอัตราการเติบโตของ GDP ให้คงที่ ดูแลสมดุลของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยรัฐบาลท้องถิ่น และส่งเสริมการเข้ามามีบทบาทมากขึ้นของภาคเอกชน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,947 วันที่ 11 - 14  พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.