นักเศรษฐศาสตร์ต่างชาติมองการถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าอาจนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมืองมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเตือนไทยมีโอกาสถูกลดเรตติ้งถ้าการเมืองยืดเยื้อถึงครึ่งหลังของปี

สถาบันวิจัยแคปิตอล อีโคโนมิกส์ ระบุในรายงานว่า ถ้าประเทศไทยยังหาทางออกทางการเมืองไม่ได้ก็มีโอกาสที่จะมีการถูกปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ลงจากระดับ 2% ขณะที่วาณิชธนกิจโนมูระของญี่ปุ่นกล่าวว่า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นการเพิ่มปัจจัยเสี่ยงด้านลบต่อคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ 2.4% ในปี 2557
"คำตัดสินยังคงทำให้ทางตันทางการเมืองไม่ได้รับการคลี่คลาย และเวลานี้มีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่ความรุนแรงจะปะทุขึ้นอีกระลอก" คริสตัล ทันนักเศรษฐศาสตร์เอเชียจากแคปิตอล อีโคโนมิกส์ ให้ความเห็น
บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส กล่าวว่า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเป็นผลลบต่ออันดับเครดิต เนื่องจากทางมูดี้ส์มองว่าคำตัดสินดังกล่าวเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้วิกฤติ การเมืองในประเทศยืดเยื้อยาวนายขึ้นและโอกาสที่จะหาทางประนีประนอมในอนาคตอันใกล้เกิดขึ้นได้ยาก
มูดี้ส์กล่าวว่า วิกฤติที่ยืดเยื้อ ประกอบกับความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงยิ่งขึ้นจากการประท้วง จะส่งผลกระทบด้านลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค และเพิ่มความเสี่ยงด้านลบต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2557-2558
ด้านฟิทช์ เรตติ้งส์ กล่าวว่า ถ้าไทยยังผ่าทางตันทางการเมืองไม่ได้ก่อนครึ่งปีหลังของปี 2557 มีโอกาสที่จะถูกทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือ โดยฟิทช์กล่าวไว้ในรายงานเมื่อเดือนมีนาคมว่า ความล้มเหลวในการจัดตั้งรัฐบาลที่บริหารประเทศได้ภายในช่วงครึ่งปีแรก จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการลงทุนระยะกลาง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการวางแผนงบประมาณ
ขณะที่นักวิเคราะห์ของโนมูระระบุในรายงานว่า มองไม่เห็นการยกระดับการประท้วงโดยกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลจากผลของคำตัดสินของศาล แต่กล่าวว่ามีความเสี่ยงถ้าการประท้วงเกิดความรุนแรงขึ้น "สถานการณ์ดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรงขึ้นกว่าการ ประเมินเบื้องต้นของเรา"
นักวิเคราะห์ของโนมูระกล่าวอีกว่า ความเสี่ยงที่การเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไปอีกมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อการใช้จ่ายของภาคเอกเชน และจำกัดนโยบายด้านการคลังเพื่อนำมาสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โนมูระมองว่ามีโอกาสน้อยที่การผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ประจำปี 2558 จะเกิดขึ้นได้ทันเวลา หมายความว่าจะต้องนำร่างงบประมาณฉบับเดิมมาใช้ ซึ่งเป็นงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของภาครัฐ
อย่างไรก็ดี มีนักวิเคราะห์บางรายที่มองว่าตลาดทุนของไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง "ปกติแล้วตลาดหุ้นจะได้รับผลกระทบ แต่เมื่อดูเศรษฐกิจไทยในอดีต มันจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองมากเท่าที่คุณคิด มีบางคนพูดว่ามันเป็นโอกาสด้วยซ้ำเพราะเศรษฐกิจเติบโตได้อย่างคงที่ ผู้คนคาดว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 2-3 ครั้งที่ผ่านมา แต่มันไม่เคยเกิดขึ้น" นอร์แมน บอร์สมา จากเทมเปิลตัน อีควิตี้ กรุ๊ป กล่าว จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,947 วันที่ 11 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 255