แม้งานแสดงสินค้าระดับอินเตอร์ในช่วงที่ผ่านมาจะชะลอหรือยกเลิกไปหลายงาน เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และความปลอดภัยในเมืองไทย ซึ่งปัญหาใหญ่ยังคงเกิดจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมืองเป็นหลัก
การเรียกความเชื่อมั่น ให้กลับคืนมา ถือเป็นพันธกิจที่ผู้ประกอบการต้องเร่งดำเนินการ เพื่อไม่ให้ประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าระดับอินเตอร์หลายรายการ ต้องเพลี่ยงพล้ำให้กับคู่แข่งสำคัญอย่าง "อินโดนีเซีย" โดย "ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย ประเทศไทย จำกัด บริษัทในเครือของยูบีเอ็ม เอเชีย โดยบริษัท ยูไนเต็ด บิสิเนส มีเดีย จำกัด (มหาชน) ประเทศอังกฤษ ผู้จัดงานแสดงสินค้าชั้นนำ ซึ่งยังคงเดินหน้าจัดงานระดับอินเตอร์ในไทยต่อเนื่อง

สรรชาย นุ่มบุญนำ
++ หนุนเอสเอ็มอี รับมือAEC
นายสรรชาย กล่าวว่า สถานการณ์อุตสาหกรรมไทยที่ยังคงชะลอตัวในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้องเผชิญปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ มีความเปราะบาง ผนวกกับสถานการณ์ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีแบบเดิมที่ไม่สอดคล้องกับค่าแรง ทำให้บริษัทเห็นว่า ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ต้องเตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้มากขึ้น
ทั้งนี้เพื่อรองรับกับการดำเนินธุรกิจในอนาคต หลังการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ซึ่งจะส่งผลให้ภาคการผลิตใหม่ๆ เข้ามาแทนที่โดยรวม ที่น่าจับตาได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อรับกับทิศทางธุรกิจโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพของไทยสู่การเป็นศูนย์กลาง ทางการแพทย์(Medical HUB)ในภูมิภาคอาเซียน และ การผลิตชิ้นส่วนของอุตฯอากาศยานพาณิชย์ ซึ่งพบว่าภาคอุตฯการบินในเอเชียมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องในหลายปี ที่ผ่านมา
++ ไทยฮับผลิตเครื่องมือแพทย์-การบิน
ทั้งนี้ จากสัญญาณการขยายตัวในอนาคต ผู้ประกอบการภาคการผลิตของไทยจึงต้องมองหาโอกาสและปรับตัวในด้านการผลิต เพื่อขยายตลาดเจาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่รวมถึงการตอบสนองความเปลี่ยนแปลง ของตลาดให้มากขึ้นด้วย เพราะในปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติเริ่มมองไทยเป็นกลุ่มแรงงานที่มีฝีมือ มีความเหมาะสมที่จะให้ไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และ บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นหลายรายก็เริ่มต้นผลิตเครื่องบิน
"เห็นได้ว่าทั้ง 2 กำลังเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งในอนาคต ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรต้องปรับตัว และหาวิธีเข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อเดินตามเทรนด์และทิศทางแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ให้เท่าทัน และเทรนด์ดังกล่าวยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของไทยในการเป็นเมดิคัล ฮับของภูมิภาค รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางการบินของอาเซียนด้วย"
++ คาดเงินสะพัด 9 พันล.
อย่างไรก็ดีในฐานะผู้จัดงานแสดงสินค้ารายใหญ่ นายสรรชาย บอกว่า การจัดงานในแต่ละครั้งจะต้องมีจุดเด่นหรือมีข้อแตกต่างจากออกไป โดยเฉพาะการแสดงสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็น B2B หรือ Business – to – Business โดยในปัจจุบันจะพบว่าการเปิดเออีซี จะมีความได้เปรียบในแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศเหล่านั้นต่างต้องเรียนรู้ และส่งเสริมสิ่งที่แต่ละประเทศถนัด ขณะที่บริษัทเองจะใช้ความได้เปรียบในเครือข่ายที่มีทั้งที่เมียนมาร์ , ฟิลิปปินส์ , อินโดนีเซีย , มาเลเซีย , สิงคโปร์ ฯลฯ มาสร้างโอกาสเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการแลกเปลี่ยนธุรกิจ การหาพาร์ตเนอร์ในการเข้าร่วมงาน หรือแม้แต่การแมตชิ่ง (จับคู่ทางธุรกิจ)
"สภาพเศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวน ส่งผลต่อการตัดใจของนักลงทุนในการขยายธุรกิจในช่วงนี้ ยูบีเอ็ม ในฐานะเป็นผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมมา เล็งเห็นว่าจังหวะนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ผลิตไทยในการเลือกซื้อเครื่อง จักรเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้งใช้เป็นจังหวะในการเชื่อมโยงธุรกิจในการหาพันธมิตรหรือพาร์ตเนอร์ที่ จะร่วมธุรกิจต่อไปในอนาคต"
สำหรับงานแสดงสินค้าที่บริษัทจะจัดขึ้นล่าสุด คืองานอินเตอร์แมค-ซับคอนไทยแลนด์ 2014 ใน ระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคมนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ถือเป็นสุดยอดของงานแสดงเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตระดับนานาชาติ โดยมีผู้ผลิตเครื่องจักรชั้นนำระดับโลกกว่า 1.2 พันราย จาก 38 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงาน พร้อมเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆกว่า 150 รายการ โดยไฮไลต์เป็นผลงานของ "ท็อป เจแปนนีส เมคเกอร์โซน" ปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นคน และมีเงินสะพัดกว่า 9 พันล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,946 วันที่ 8 - 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557