ปัญหาการเมืองป่วนบั่นทอนความเชื่อมั่น ผู้ประกอบการชะลอแผนลงทุนในประเทศหันไปลุยต่างประเทศมากขึ้นหรือคิดเป็นเม็ด เงินกว่า 9.5 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปที่เมียนมาร์ นักวิชาการยอมรับการเมืองวุ่น กระทบแผนไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน นักท่องเที่ยวหาย

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือKBANK เปิดเผยว่าแนวโน้มความต้องการทุนของผู้ประกอบการในประเทศที่เป็นลูกค้าของ ธนาคารยังทรงตัวโดยมีความต้องการทุนอยู่ที่ 1.3-1.5 ล้านล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามกลับพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ หรือมีสัดส่วนถึง 59% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 20% อยู่ในขั้นตอนของการศึกษาความเป็นไปได้ และรอการตัดสินใจเพราะปัญหาการเมืองที่ไม่แน่นอน
นอกจากนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เริ่มหันไปมองตลาดการลงทุนในต่างประเทศมากถึง 9.5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของความต้องการทุนโดยรวม โดยสัดส่วนกว่า 90% ของการลงทุนในต่างประเทศยังคงเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีขนาดมูลค่า โครงการโดยเฉลี่ยต่อโครงการประมาณ 5 หมื่นล้านบาทขึ้นไป
โดยมีผู้ประกอบการให้ความสนใจในประเทศเมียนมาร์มากขึ้นซึ่งมีจำนวนโครงการลง ทุนไปประเทศดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า และคาดว่าจะได้เม็ดเงินลงทุนจากไทยเข้าไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ทั้งนี้การลงทุนในต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภค พื้นฐานและการส่งเสริมสินค้าและบริการเพื่อการอุปโภคพื้นฐานในตลาดอาเซียน
นายวศินกล่าวว่าศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจใน ปีนี้อยู่ที่ 1.8% จากปีที่ผ่านมาคาดการณ์ไว้ที่ 2.9% ต่อปี เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศยังคงชะลอตัวจากสถานการณ์ทางการเมือง ที่ไม่สงบในปัจจุบัน แต่หากมองในตลาดต่างประเทศพบว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ธนาคารกลางตัดสินใจลดคิวอี (QE) ลงเหลือ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากดัชนีทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปและจีนจะฟื้นตัวเช่นเดียวกันซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกของ ไทยขยายตัว 5% ถึงแม้ว่าไตรมาสแรกจะติดลบ 1.0% แต่ก็ยังหวังว่าในครึ่งปีหลังนี้ปัญหาทางการเมืองจะสิ้นสุดและจะทำให้ เศรษฐกิจดีขึ้น จนทำให้การส่งออกโตเป็นไปตามเป้าได้
นายวศินกล่าวว่าจากการที่ธนาคารผลักดันกลยุทธ์ด้าน Transaction Banking ทำให้สัดส่วนทางการตลาดของปริมาณธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศที่เติบโตจาก 16% เป็น 17% ในไตรมาสแรกของปีนี้ส่งผลให้สายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทสามารถบรรลุเป้าหมาย การเติบโตของธุรกิจในไตรมาสแรกได้อย่างดีโดยปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าสัดส่วน ค่าธรรมเนียมต่อรายได้รวม (Fee to Total Income) ไว้ที่ 47% เพิ่มจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 44.9% โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของยอดสินเชื่อคงค้างในปี 2557 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 5-7% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 7% หรือ 4.46 แสนล้านบาท ซึ่งยอดคงค้างในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 4.52 แสนล้านบาท
ศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดสัมมนา “ไทยกับการเป็นศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” นายประภัสสร์ เทพชาตรี ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวยอมรับว่า ปัญหาการเมืองที่ยังยืดเยื้อในปัจจุบันบั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุนอย่าง มาก โดยภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน แต่ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติได้ชะลอการลงทุน และเริ่มย้ายฐานการลงทุนไปยังอินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่น หากการเมืองยังไม่ยุติจะกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมาก
รวมถึงการท่องเที่ยวเดิมปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 30 ล้านคน แต่ปัญหาการเมืองทำให้ยอดนักท่องเที่ยวหายไปอย่างมาก เนื่องจากตามศักยภาพของไทยแล้วมีจุดเด่นทั้งด้านอุตสาหกรรมอาหาร การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ ยานยนต์ โดยไทยมีความพร้อมทั้งบุคลากร เทคโนโลยี วัตถุดิบ โดยสามารถก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางของอาเซียนได้ในหลายกลุ่ม แต่พอมีปัญหาการเมืองจึงทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก แต่หากปัญหาการเมืองคลี่คลายเร็วทุกอย่างจะกลับไปดีขึ้น เมื่อได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพจากการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปกฎหมาย และปรับนโยบายเศรษฐกิจจะทำให้ทุกอย่างกลับมาฟื้นได้รวดเร็ว เพราะไทยมีความพร้อมทุกด้าน