สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ไขข้อข้องใจ! อนาคตตลาดเกิดใหม่ หลังเฟดหั่น QE
29/04/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

วิถีทางแห่งตลาดเกิดใหม่จะเป็นเช่นไร เมื่อเฟดตัดสินใจลด QE เหลือ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และมีทีท่าว่าจะลดต่อเนื่อง และอาจยุติในกลางปีนี้ นักลงทุนจะตระหนก จนโยกเงินลงทุนออกจากตลาดเกิดใหม่หรือไม่ "ไทยรัฐออนไลน์" กำลังพาคุณเดินทางไปหาคำตอบ......

ณ เวลานี้ นักลงทุนทั่วโลกคงปฏิเสธไม่ได้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายไตรมาสที่่ผ่านมาจึงทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดขนาดมาตรการ QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากระดับ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือน เม.ย.ปีนี้

กระนั้นเองจึงเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีความเข้มแข็งทางรากฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวในตลาดแรงงาน ถึงแม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะต้องชะลอตัวลงไป ด้วยสาเหตุจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บก็ตาม

แต่ในขณะเดียวกันกลับเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า การเคลื่อนไหวของตลาดแรงงานก็มีทั้งทางบวกและลบ ซึ่งการที่ตลาดดังกล่าวอยู่ในสภาพคงที่ ไม่ดีไม่ร้าย ก็สามารถบอกได้ถึงสถานการณ์ที่ดีขึ้น เช่นเดียวกันกับ FOMC ที่เล็งเห็นถึงความก้าวหน้าสะสมในเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เช่นกัน

“เฟดจะยังคงเดินหน้าปรับลด QE เป็นครั้งที่สี่ ที่ห้าอย่างแน่นอน ซึ่งก็อาจจะลด 1-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หากไม่ลดในเดือนนี้ เดือนหน้าหรือเดือนต่อๆ ไป ก็จะต้องลดอยู่ดี และจะยังคงดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำไปจนถึงปีหน้า ถึงแม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะดีขึ้นมากมายแต่อย่างใด” รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์ ผู้คร่ำหวอดในวงการเศรษฐกิจวิเคราะห์อย่างน่าสนใจ

ดังนั้น จึงไม่แปลกแต่อย่างใด หากคนไทยตาดำๆ ทั่วไปจะเกิดความสงสัยและตั้งคำถามต่อการปรับลด QE ครั้งนี้ว่า ในเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้น จนทำให้เฟดลดวงเงินการซื้อพันธบัตร แล้วจะมีผลกระทบอย่างไรต่อตลาดบ้านเราอย่างไรบ้าง...ดีหรือร้าย ใครจะรู้?

คำตอบแห่งคำถามข้างต้นนั้น สามารถมองได้หลายแง่ ไม่ว่าจะเป็นมุมมองที่ว่าหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สามารถปรับตัวได้ดีและมีเงินลงทุนไหลเข้ามากขึ้น โดยส่งผลต่อเนื่องให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการส่งออกของสหรัฐฯ ก็อาจได้รับผลกระทบในเชิงลบ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในอนาคตข้างหน้า

ทว่า จึงเป็นผลดีเชื่อมโยงมาสู่ตลาดภูมิภาค เพราะในช่วงแรกที่ค่าเงินของตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าลง ตามการไหลออกของเงินลงทุนนั้น แต่ในทางกลับกันก็จะส่งผลดีต่อการส่งออกของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วย

เมื่อมองในแง่ดีและพิจารณาอย่างพินิจพิเคราะห์อย่างหลากหลายแง่มุมแล้วจะเห็นว่า โอกาสที่นักลงทุนจะโยกเงินจากการลงทุนเข้ามาสู่ตลาดเกิดใหม่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะการฟื้นตัวของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนสนใจที่จะลงทุนในตลาดสหรัฐฯมากขึ้นและมีผลตามมาให้เม็ดเงินในการลงทุนอยู่ในระดับที่สูงมาก จนต้องเบนเข็มการลงทุนไปสู่ตลาดเกิดใหม่

“ดูเหมือนหุ้นตลาดเกิดใหม่ ได้ซึมซับข่าวร้ายไว้หมดแล้ว คาดว่าหุ้นตลาดเกิดใหม่ สามารถให้ผลประกอบการใกล้เคียงกับตลาดพัฒนาแล้วปีนี้ หลังจากหุ้นตลาดเกิดใหม่ให้ผลประกอบการย่ำแย่มาแล้วช่วงปีที่ผ่านมา” ทีมงานแคปิตอล อิโคโนมิคส์ บริษัทวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ระบุถึงแง่ดีของตลาดเกิดใหม่ ในสถานการณ์เช่นนี้

หากมองในแง่ลบก็จะเกิดความกังวลที่ว่าประเทศไทยไม่สามารถหนีวิกฤติเงินไหลออกได้ เพราะนักลงทุนต่างชาติอาจถอนเงินลงทุนจากตลาดเกิดใหม่ทั้งกระดาน โดยไม่ดูเสถียรภาพของประเทศมากนัก และยิ่งเฟดลดมาตรการ QE เช่นนี้ จะเป็นเหตุให้นักลงทุนตระหนกและถอนเงินออกจากตลาดเกิดใหม่มากขึ้น

ศ.ดร.ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ไขข้อข้องใจกรณีเฟดลด QE กระทบตลาดไทยอย่างไร ไว้ว่า “นักลงทุนต้องการถือครองเงินดอลลาร์ เพราะการที่เฟดลด QE เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่ดี แต่หากถือเงินสกุลในตลาดเกิดใหม่ ก็จะไม่คุ้มค่าที่จะถือครอง ดังนั้น นักลงทุนจึงมีโอกาสเป็นอย่างสูง ที่จะกอบโกยผลตอบแทนในช่วงที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้น”

จากบทความข้างต้นจะพบว่า ทิศทางแห่งเศรษฐกิจสามารถหมุนเปลี่ยนวนได้ตลอดเวลา และยากที่จะวิเคราะห์ ตีโจทย์ให้ชัดแจ้งได้ หากเพราะความเป็นไป หรือปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ วินาที ยากแก่การคาดเดา ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับตัวนักลงทุนเอง จะตัดสินใจทำเช่นไร ให้เงินที่อยู่ในมือเกิดคุณค่ามากที่สุด

ไม่ว่าระบบเศรษฐกิจไทยหรือเทศจะเป็นเช่นไร ผู้มีหัวจิตหัวใจแห่งการลงทุนทุกคน พึงตระหนักไว้ว่า การลงทุนทุกประเภทมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ ฉะนั้น ควรศึกษาอย่างรอบคอบ ฟังเสียงวิเคราะห์อย่างรอบด้าน แต่มิใช่ว่าจะเชื่อเสียงๆ นั้นอย่างสนิทใจ เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น และข้อผิดพลาดมักเกิดขึ้นได้เสมอ กระนั้นควรใช้สติ วิเคราะห์ พิจารณาให้ดี มิเช่นนั้นคุณอาจจะต้องเจอกับบทเรียน ที่เจ็บปวดแสนสาหัสก็เป็นได้......

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.