สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ประเมินเศรษฐกิจ SMEs ใหม่
24/04/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

สสว.หวั่นปัญหาการเมืองพ่นพิษ ฉุดเป้าจีดีพีเอสเอ็มอีเติบโตลงจาก 4.3-4.7 %  เร่งรวบรวมข้อมูลประเมินเศรษฐกิจใหม่ เบื้องต้นเห็นสัญญาณความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการดีขึ้นเป็นลำดับ แถมมีมาตรการด้านการเงินคอยช่วยเหลือลดหนี้ และได้อานิสงส์จากการส่งออกพุ่ง ช่วง 2 เดือนโต 7.8% ขณะที่การขอเลิกกิจการลดลงเพียง 2 พันราย หรือ 10.61% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ส่งออก SMEs เริ่มเห็นแสงสว่าง เดือน ม.ค.พบสัญญาณฟื้นตัว

นายปฏิมา จีระแพทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อทำให้สสว.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจและปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อนำมาประเมินว่าจะต้องทบทวนการขยายตัวหรือจีดีพีของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีหรือไม่ จากเดิมที่คาดว่าในปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 4.3-4.7%  หรือมีมูลค่าที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ 4.53 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าจะสรุปได้ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตาม มองว่าการขยายตัวของเอสเอ็มอีตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ อาจจะไม่ลดลงก็ได้ เนื่องจากมีสัญญาณค่อนข้างดีจากที่สสว.ได้ทำแบบสอบถามไปยังผู้ประกอบการ จำนวน 450 ราย ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในช่วงเดือนมีนาคม 2557 ที่ผ่านมา ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ พบว่าผู้ประกอบการมีความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่จะส่งผลกระทบต่อการ ดำเนินธุรกิจลดลงอยู่ในระดับประมาณ 70 % จากที่เดือนกุมภาพันธ์ที่ได้รับผลกระทบถึง 85% ซึ่งถือว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นหรือการดำเนินธุรกิจได้กระเตื้องขึ้นบ้างแล้ว

นอกจากนี้ จากการออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากทางการเมืองหลังจากที่สสว.ได้เปิดคลินิกเอสเอ็มอีเพื่อเป็นศูนย์ประสานงานและรับขึ้นทะเบียนเอสเอ็มอีที่ต้องการขอรับความช่วยเหลือซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วัน ที่ 19 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา มีผู้ทยอยมาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมีแล้วกว่า 150 ราย ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการมากที่สุดเป็นด้านการเงินรองลงมาเป็นด้านการ ตลาด และการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการธุรกิจโดยในส่วนการขอรับช่วยเหลือทางการ เงินนั้นส่วนใหญ่ต้องการขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ รองลงมาคือการขอพักชำระเงินต้น และการขยายระยะเวลาชำระหนี้ ซึ่งความต้องการในส่วนนี้ ทางสสว. ได้นำส่งข้อมูลให้สถาบันการเงิน 5 แห่ง ที่ร่วมกับสสว.ในการบรรเทาผลกระทบและลดภาระหนี้ให้กับผู้ประกอบการไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพักชำระเงินต้นเป็นเวลา 6-12 เดือน การขยายระยะเวลาชำระหนี้ ระยะเวลา 3-12 เดือน และการให้สินเชื่อเพิ่มในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และยังพบว่าผู้ประกอบการที่ไม่ได้ขอรับการช่วยเหลือผ่านทางสสว.แต่เมื่อทราบ ข่าวทางสถาบันการเงินมีแคมเปญนี้ออกมา ก็ไปติดต่อด้วยตัวเองกับทางสถาบันการเงินมีไม่ต่ำกว่า 1 พันราย 

นายปฏิมา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณที่ดี ในการส่งออกของเอสเอ็มอีช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.พ.)มีมูลค่ารวม 3.043  แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.8 %

โดยตลาดที่มีการส่งออกสินค้าไปมากที่สุดได้แก่ จีน รองลงมาคือ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ตามลำดับ สินค้าที่ส่งออกมากที่สุด ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก  และของที่ทำด้วยยางเป็นต้นส่วนการนำเข้าของเอสเอ็มอีกในช่วง 2 เดือนแรก มีมูลค่ารวม 3.349 แสนล้านบาท หดตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28.42 % โดยนำเข้าสินค้าจากจีน มากที่สุด รองลงมาเป็น  ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และสาธารณรัฐเกาหลี ตามลำดับ

สำหรับการจัดตั้งกิจการในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.) มีกิจการที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่รวมทั้งสิ้น 1.0171 หมื่นราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.93 % มีกิจการที่จัดตั้งใหม่มากที่สุด ได้แก่ ก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย อสังหาริมทรัพย์เพื่อพักอาศัย ขายส่งเครื่องจักรและอุปกรณ์ ก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย บริการอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร เป็นต้น

ขณะที่การยกเลิกกิจการรวม 2.064 พันราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.61% โดยมีกิจการที่ยกเลิกมากที่สุด ได้แก่ ก่อสร้างอาคารไม่ใช่ที่พักอาศัย การขายสลากกินแบ่ง อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เพื่อพักอาศัย ธุรกิจจัดนำเที่ยว บริการด้านอาหารในภัตตาคาร เป็นต้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,941 วันที่ 20 - 23 เมษายน พ.ศ. 2557

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.