
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าในแผนการทำงานของคณะกรรมการ ส.อ.ท. ชุดนี้ได้มีการปรับปรุงสายงานการค้าและการลงทุน โดยได้รวมสภาธุรกิจระหว่างไทยกับชาติต่างๆ เช่น สภาธุรกิจไทย - รัสเซีย , ไทย - เวียดนาม และไทย – พม่า เป็นต้น เพื่อให้เกิดการทำงานที่ใกล้ชิดก่อให้เกิดความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยจะนำข้อมูลเชิงลึกในตลาดต่างประเทศมาให้กับสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 42 กลุ่ม เพิ่มช่องทางการตลาดและการหาผู้ร่วมทุนในต่างประเทศให้กับสมาชิกของ ส.อ.ท.
ทั้งนี้ประเทศเป้าหมายที่ ส.อ.ท. จะออกไปบุกเบิกตลาด จะเป็นตลาดใหม่ ได้แก่ ประเทศในทวีปแอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ แทนซาเนีย อูกานดา เป็นต้น เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มูลค่าการค้ากับประเทศไทยยังน้อยมาก ทำให้มีโอกาสจะขยายตลาดได้อีกมหาศาล ซึ่งประเทศเหล่านี้มีความต้องการสินค้าไทยสูง เช่น เครื่องนุ่งห่ม สินค้าอุปโภค บริโภค ชิ้นส่วนรถยนต์ และล้อยาง เป็นต้น รวมทั้งยังเป็นแหล่านำเข้าแร่ธาตุและทรัพยากรพลังงานที่สำคัญของไทยในอนาคต
“แอฟริกายังเป็นโอกาสของการเข้าไปลงทุนตั้งโรงไฟฟ้า โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้อีกมาก เพราะยังเป็นภูมิภาคที่ขาดแคลนไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งยังเป็นแหล่งเข้าไปลงทุนด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้อีกมาก เพื่อรองรับความต้องการพลังงานของไทยที่จะขยายตัวอีกมากในอนาคต” นายเกรียงไกร กล่าว
นอกจากนี้ ส.อ.ท.จะมุ่งขยายการค้าการลงทุนในที่ประเทศรัสเซียและยุโรปตะวันออก ซึ่งที่ผ่านมานักท่องเที่ยวรัสเซียเข้ามาในประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 2 มีจำนวนกว่า 1.6 ล้านคน จึงมีความรู้จักประเทศไทยและสินค้าไทยเป็นอย่างดี แต่ที่ผ่านมามูลค่าการค้าระหว่าง 2 ประเทศมีเพียง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีข้อติดขัดในเรื่องของภาษา ระบบการโอนเงินข้ามประเทศ และกฎระเบียบทางการค้าที่แตกต่างจากประเทศไทย
ทั้งนี้ ส.อ.ท. ได้วางแนวทางแก้ปัญหา โดยการประสานไปยังธนาคารพาณิชย์ทั้งของรัฐบาลและเอกชน ให้เข้าไปตั้งสาขาเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินในรัสเซีย ซึ่งก็มีหลายธนาคารให้ความสนใจ รวมทั้งจะประสานงานกับสถานทูตทั้งของไทย และรัสเซีย หากลดอุปสรรคได้ภาคเอกชนตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2016
“ประเทศรัสเซียมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของไทย โดยเฉพาะการวางท่อก๊าซธรรมชาติ สนใจที่จะเข้ามาซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ และล้อยางจากไทย เนื่องจากรัสเซียมีแผนที่จะขยายอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เป็นศูนย์กลางผลิตรถ ยนต์ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ตั้งเป้าจะส่งออกให้ได้ 1 ล้านล้านคันต่อปี ขณะที่ไทยก็สนใจเข้าไปซื้อก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน” นายเกรียงไกร กล่าว