ยอดจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ไตรมาสแรกลดลง 22% รับเหมาก่อสร้างยังคงครองแชมป์ยอดจดทะเบียนสูงสุด รองลงมาอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยเลี่ยงยังคงเป็นปัญหาการเมือง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าในเดือนมีนาคม 2557 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่ว ประเทศจำนวน 5,248 ราย เพิ่มขึ้น 394 รายหรือเพิ่ม 8% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์2557 ซึ่งมีจำนวน 4,854 รายและลดลง 505 ราย หรือลด 9%เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม2556 ซึ่งมีจำนวน 5,753 รายสำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศในเดือนมีนาคม 2557 มีจำนวน 830ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ในเดือนมีนาคม2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 15,416ล้านบาท ลดลงจำนวน 3,116ล้านบาท หรือลดลง 17%เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์2557 ซึ่งมีจำนวน 18,532 ล้านบาทและลดลงจำนวน 5,144 ล้านบาท หรือลดลง 25%เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม2556 ซึ่งมีจำนวน 20,560 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 595 รายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 228 รายขายส่งเครื่องจักร จำนวน 130 ราย ภัตตาคารร้านอาหารจำนวน 102 รายและธุรกิจจัดนำเที่ยวจำนวน 101 ราย โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2557มีห้างหุ้นส่วนบริษัทจำกัดดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศจำนวน561,245 ราย มีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 10.77 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทจำกัด 389,342 รายบริษัทมหาชนจำกัด 1,046 รายและห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 170,857 ราย
สำหรับภาพรวมการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทในไตรมาส1/2557 มีจำนวน 15,419 รายเพิ่มขึ้น 2,845 ราย หรือเพิ่ม23%เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2556 และลดลง 4,254 ราย หรือลดลง22% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาเนื่องจากการจดทะเบียนธุรกิจ ค้าสลากลดลง ความไม่สงบทางการเมืองที่มีมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม2556และจากการคาดการณ์ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)อัตราการเติบ โตทางเศรษฐกิจในปี2557 จะอยู่ที่ 2.7% ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับ ปี 2556ที่ขยายตัว 2.9%ทำให้คาดว่าจำนวนการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ของปี2557จะมีจำนวนใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดได้แก่การส่งออกที่คาดว่าจะดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ในส่วนที่ได้มีการผูกพันไว้แล้วการมีรัฐบาลชุดใหม่ที่จะขับเคลื่อนนโยบายและ โครงการต่างๆการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวและสถานการณ์ทางการเมือง ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและการจดทะเบียนธุรกิจโดยรวม