"พยุงศักดิ์" ฝากงานประธาน ส.อ.ท.คนใหม่ เร่งสังคายนา พ.ร.บ.จัดตั้งสภาฯใหม่ สู่การปรองดอง พร้อมช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากการขาดสภาพคล่องหลังเศรษฐกิจชะลอตัว ด้าน"สุพันธุ์" รับไม้ต่อ เตรียมลุยตั้งคณะทำงานหวังให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมพร้อมหาช่องทางเปิดตลาดใหม่ตามแนวชายแดน
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในการประชุมกรรมการประเภทเลือกตั้งเพื่อพิจารณากรรมการประเภทแต่งตั้ง รวม 116 คน เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมาและนำเสียงไปรวมกับเสียงของกรรมการ ส.อ.ท.(กส.) ที่เลือกตั้งมาเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา จำนวน 232 คน เพื่อไปเลือกประธาน ส.อ.ท.คนใหม่ ปรากฏว่านายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองประธาน ส.อ.ท. ได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นขึ้นเป็นประธาน ส.อ.ท.คนใหม่แทนตัวเองที่หมดวาระลง
สำหรับการสานต่องานนั้นได้หารือกับนายสุพันธุ์ไปแล้วให้เร่งดำเนินการสังคายนาปรับปรุง พ.ร.บ.จัดตั้ง ส.อ.ท.ขึ้นมาใหม่ โดยตั้งทีมงานขึ้นมายกร่างปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เนื่องจากกฎระเบียบต่างๆใช้กันมานาน สมาชิกบางส่วนอยากให้มีการปรับปรุงใหม่ โดยเฉพาะระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการเลือกตั้ง กส. ที่เป็นปัญหาในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่จะช่วยสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นใน ส.อ.ท.ได้ ตามนโยบายที่มีการหาเสียงไว้ ที่จะต้องทำให้ ส.อ.ท.เกิดความเข้มแข็งเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับ ส.อ.ท.ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นการปรับปรุง หากดำเนินการได้คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี รวมถึงการปรับโครงสร้างการระบบบริหารงานใหม่ เนื่องจากปัจจุบัน ส.อ.ท.มีกลุ่มอุตสาหกรรมจำนวนมาก ซึ่งอาจจำเป็นต้องขยายออกไปมากว่า 42 กลุ่มที่มีอยู่ เป็นต้น
"ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการชุมนุมที่ยืดเยื้อนี้ สิ่งที่ประธาน ส.อ.ท.คนใหม่จะต้องเข้าไปดูแลอันดับต้นๆเป็นเรื่องของการช่วยเหลือสภาพคล่องของกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้มากขึ้น เพราะขณะนี้ขาดสภาพคล่องกันค่อนข้างมาก เนื่องจากจำหน่ายสินค้าได้น้อย จากยอดคำสั่งซื้อที่หดตัว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหาแนวทางในการช่วยเหลือไว้บ้างแล้วกับนายสุพันธุ์ที่จะต้องเร่งหารือกับสถาบันการเงินในการปรับปรุงเงื่อนไข เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งหลายแห่งก็เข้าใจในสถานการณ์ที่บ้านเมืองที่ไม่ปกติ"
ขณะที่นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.คนใหม่เปิดเผยว่า การเข้ามารับตำแหน่งประธาน ส.อ.ท.นั้น ลำดับแรกๆ คงจะเข้าไปดำเนินการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.จัดตั้งสภาอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นนโยบายที่จะต้องเดินหน้าในการปรับปรุง โดยจะตั้งคณะทำงานที่ทุกฝ่ายยอมรับมาทำหน้าที่ในการยกร่างกฎระเบียบข้อไหนที่ยังล้าหลังหรือมีเสียงเรียกร้องจากสมาชิกให้มีการปรับปรุงคงจะหยิบยกขึ้นมาหารือทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการสร้างความเข้มแข็งและทำให้การปรองดองใน ส.อ.ท.ได้ทางหนึ่งเพราะเป็นการรับฟังเสียงของสมาชิกในการเข้ามามีส่วนร่วมในการยกร่าง พ.ร.บ.ใหม่
ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันและสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนี้ กลุ่มเอ็นเอ็มอีประสบปัญหาค่อนข้างมากซึ่ง ส.อ.ท.จะต้องเข้าไปช่วยเหลือหรือสนับสนุนในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการหาตลาดรองรับสินค้า โดยเฉพาะช่องทางการค้าชายแดนที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญ เพราะเป็นประตูกระจายสินค้าไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านและยังรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีด้วยหรือมีการนำระบบอี-คอมเมิร์ซมาใช้ในการเพิ่มช่องทางตลาดในการซื้อขายสินค้าได้อีกทางหนึ่ง
"รวมถึงการให้บริษัทใหญ่ๆ เข้ามาคอยเป็นพี่เลี้ยงแนะนำในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการ การลดต้นทุนการผลิต การจัดฝึกอบรม พัฒนาความรู้ การสร้างนวัตกรรมขึ้นมา ที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้าให้สูงขึ้น ส่วนการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอีนั้น ส.อ.ท.จะคอยเป็นที่ปรึกษาในการเข้าหาแหล่งเงินทุนและการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินที่จะปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มเอสเอ็มอีเกิดความสบายใจมากขึ้นที่จะมีเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เป็นต้น"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,938 วันที่ 10 - 12 เมษายน พ.ศ. 2557