ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ ปี’ 57 คาดส่งออกไทยไปจีน ประคองการเติบโต 3.3% ... บนตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจจีนโต 7.4%

ประเด็นสำคัญ
• การส่งออกจากไทยไปจีน 2 เดือนแรก ยังคงหดตัวร้อยละ 0.8 (YoY) ส่วนหนึ่งจากผลของฤดูกาลและการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีน อย่างไรก็ดี การส่งออกของไทยไปจีนในช่วงที่เหลือของปีน่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้น ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/2557 น่าจะได้แรงหนุนจากฐานเปรียบเทียบในปี 2556 ที่ค่อนข้างต่ำ และการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่น่าจะรักษาระดับการเติบโตร้อยละ 7.4 ใกล้เคียงกับที่ทางการจีนตั้งเป้าราวร้อยละ 7.5
• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายกระจายความเป็นเมือง (Urbanization) การเร่งการก่อสร้างตามแผนงานดังกล่าว รวมถึงมาตรการสนับสนุนการส่งออกและกระตุ้นความสัมพันธ์กับภาคต่างประเทศของ ทางการจีน น่าจะช่วยประคองการส่งออกของไทยไปจีนในหลายกลุ่มสินค้าที่ป้อนการผลิตและตอบ รับนโยบายจีนให้เติบโตเป็นบวกได้ร้อยละ 3.3 โดยมีกรอบประมาณการเติบโตร้อยละ 0.5-6.0
• อย่างไรก็ดี การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนอาจบั่นทอนการส่งออกไทยไปจีน ทั้งทางตรงจากการเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจที่เน้นการเติบโตในระดับสูง สู่การเติบโตทางเศรษฐกิจเชิงคุณภาพมากขึ้น และทางอ้อมผ่านความเปราะบางเชิงโครงสร้างและปัญหาในภาคการเงินซึ่งอาจซ้ำ เติมเศรษฐกิจจีนในปีนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการส่งออกจากไทยไปจีนเดือนกุมภาพันธ์ 2557 หดตัวต่อเนื่องส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลในช่วงเทศกาลตรุษจีนและยังเป็นผลจากการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีนหลายด้านตามมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเข้มข้น อาทิ การอ่อนแรงในภาคการผลิต รวมถึงการชะลอตัวของการลงทุนในประเทศ ตลอดจนภาคการบริโภคที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจนับจากนี้ไปก็ยังเติบโต เชื่องช้า รวมไปถึงภาคต่างประเทศที่เป็นความหวังก็ยังมีแรงกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจนนักจึงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาท่ามกลางความท้าทายหลายด้าน ดังนี้
ส่งออก-นำเข้าระหว่างไทยกับจีน 2 เดือนแรกเผชิญแรงกดดัน
การส่งออกของไทยไปจีนในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 มีมูลค่า 2,216 ล้านดอลลาร์ฯ หดตัวต่อเนื่องร้อยละ 0.8 (YoY) ชะลอตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน แต่กระนั้นก็ดีเหตุการณ์ความยืดเยื้อทางการเมืองในไทยก็ส่งผลให้การนำเข้า สินค้าจากจีนที่ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบเพื่อการผลิตปรับตัวสู่ระดับต่ำ 2,222 ล้านดอลลาร์ฯ ปรับลดลงร้อยละ 19.8 (YoY) และเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 4 ปีครึ่ง ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนเพียง 5.56 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับจากเมื่อเดือนตุลาคม 2554 ซึ่งเป็นเดือนที่ไทยเกินดุลการค้ากับจีนเนื่องจากภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่

ธุรกิจของจีนและธุรกิจต่างชาติในจีนเบนเข็มไปทำการค้าสินค้ากลุ่มคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบกับเวียดนามตั้งแต่ปลายปี 2555 เป็นต้นมา ฉุดการค้าระหว่างไทยกับจีนทั้งด้านการส่งออกและนำเข้าชะลอตัวอาจลากยาวต่อเนื่องตลอดปี 2557
ด้านการส่งออกไปจีนยังอ่อนแรง แต่เมื่อพิจารณาการส่งออกไม่รวมคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบพบว่ายังสามารถขยาย ตัวได้ร้อยละ 3.6 (YoY) ในเดือนกุมภาพันธ์ สะท้อนว่าแม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนจะอ่อนแรงแต่สินค้าไทยหลายรายการมี ศักยภาพเติบโต อาทิ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ข้าว เครื่องจักรกล ด้ายและเส้นใย และผลไม้ เป็นต้น อย่างไรก็ดี สินค้าไทยหลายรายการก็ค่อนข้างผันผวน อาทิ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เป็นต้น
การนำเข้าจากจีนหดตัวค่อนข้างสูงในเดือนกุมภาพันธ์ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากภาวะการเมืองในไทยทำให้ภาคการผลิตชะงัก กระทบต่อการลงทุนทั้งภาครัฐบาลและเอกชนชะลอออกไป กระทบต่อการนำเข้าสินค้าจากจีนที่ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบเพื่อการผลิตหด ตัวอย่างมาก อาทิ เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ และสินค้าบางรายการที่เกิดจากปัจจัยเฉพาะด้านโดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และส่วน ประกอบ และสินค้าในกลุ่มยานยนต์และส่วนประกอบเนื่องจากหมดมาตรการรถยนต์คันแรกไป แล้ว ขณะที่สินค้าแผงวงจรไฟฟ้าเป็นสินค้าที่เข้าสู่ภาคการผลิตได้หลากหลายสาขายัง สามารถเติบโตได้
คาดส่งออกไปจีนเร่งตัวช่วงกลางปี ดันทั้งปีขยายตัวราวร้อยละ 3.3
การส่งออกของไทยไปจีนในไตรมาส 2/2557 น่าจะปรับตัวดีขึ้นด้วย 2 ปัจจัย คือ
ปัจจัยแรก อานิสงส์จากฐานเปรียบเทียบที่ค่อนข้างต่ำในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2556 เนื่องจากปีดังกล่าวเป็นปีเริ่มแรกของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจีนอย่างเข้มข้น ทำให้การส่งออกจากไทยไปจีนชะลอตัวชัดเจน รวมถึงจากการโยกย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนกลุ่มคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบในไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านทำให้การส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวลดลงชัดเจน
ปัจจัยที่สอง การประคองตัวของเศรษฐกิจจีนจากมาตรการต่างๆ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งคาดว่าทางการจะสามารถผลักดันเศรษฐกิจจีนในปี 2557 เติบโตได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ร้อยละ 7.5 จากเหตุผลดังนี้
? มาตรการกระตุ้นการส่งออกขับเคลื่อนการผลิตในจีน ซึ่งน่าจะเห็นผลตั้งแต่ไตรมาส 2/2557 อานิสงส์สินค้าไทยรองรับกิจกรรมการผลิต โดยทางการจีนประกาศคืนเงินคืนภาษีส่งออก (Tax Rebates) แก่ธุรกิจ SMEs ที่ให้บริการด้านการส่งออก มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2557 เป็นต้นไป เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันด้านราคาในตลาดโลกได้ ท่ามกลางต้นทุนค่าจ้างแรงงานในประเทศที่ปรับสูงขึ้นประกอบกับความเสี่ยงจาก ความผันผวนของค่าเงินหยวนที่ทางการจีนประกาศขยายช่วง Trading Band เป็นร้อยละ (±) 2 จากเดิมร้อยละ (±) 1
? การเร่งกระจายความเป็นเมือง (Urbanization) หนุนการบริโภคโดยน่าจะเริ่มเห็นผลในครึ่งหลังของปี 2557 อาทิ การเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำขึ้นอีกร้อยละ 10 ในปีนี้ ซึ่งได้ปรับขึ้นแล้วในหลายพื้นที่ และการสร้างระบบขนส่งเชื่อมโยงภายในประเทศ โดยเฉพาะการเปิดเดินรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมพื้นที่ต่างๆ เข้ากับศูนย์กลางเศรษฐกิจของจีน โดยล่าสุดกำลังจะเปิดเส้นทางนครหนานหนิง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองกวางสี เชื่อมกับนครกวางโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้งภายในปีนี้ นับเป็นเส้นทางสายแรกที่เชื่อมภาคกลางกับภาคใต้และยังเป็นการเชื่อมพื้นที่ ที่เป็นประตูเชื่อมอาเซียนสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจจีนอีกด้วย
? การกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับต่างประเทศในระดับสูง บ่งชี้บทบาทความสำคัญทางการค้ากับต่างประเทศของจีนในปีนี้ ซึ่งประกาศขึ้นในการประชุม 2 สภา (The “Two Sessions”) ของจีน ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา น่าจะเป็นเครื่องชี้ถึงความพยายามผลักดันการค้าจีนกับต่างประเทศฟื้นตัว โดยเฉพาะสหภาพยุโรปที่เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของจีน ขยายตัวร้อยละ 4.7 (YoY) ในช่วง 2 เดือนแรกปี 2557 ขณะที่การส่งออกของจีนไปตลาดโลกหดตัวร้อยละ 1.6 (YoY) สะท้อนเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปในปีนี้ ประกอบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เดินทางเยือนยุโรปอย่างเป็นทางการ (22 มีนาคม-1 เมษายน 2557) เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าหมายมูลค่าการค้ารวมเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2563 จากปัจจุบันที่มีมูลค่าการค้ารวมราว 559 พันล้านดอลลาร์ฯ (ปี 2556) พร้อมทั้งได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำ FTA ระหว่างกัน
นอกจากมาตรการข้างต้นแล้ว ทางการจีนอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมออกมาอีกและคงต้องจับตาตัว เลข GDP ไตรมาส 1/2557 ของจีนที่จะประกาศในวันที่ 16 เมษายนนี้ ซึ่งจะช่วยประกอบภาพเศรษฐกิจจีนปี 2557 ได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี ความพยายามปฏิรูปเศรษฐกิจจีนอย่างเข้มข้นในด้านต่างๆ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็อาจส่งผลโดยอ้อมเพิ่มความเสี่ยงต่อภาคการเงินซึ่งเป็นผู้ให้ กู้แก่ธุรกิจที่อยู่ในโครงข่ายการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของจีน นั่นอาจซ้ำเติมเศรษฐกิจจีนได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการที่มีจีนเป็นตลาดส่งออกหลักอาจต้องจับตาทิศทางเศรษฐกิจของจีนใน ปีนี้อย่างใกล้ชิด
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2557 น่าจะสามารถประคองตัวเติบโตได้ที่ร้อยละ 7.4 ใกล้เคียงตามเป้าหมายที่ทางการตั้งไว้ ซึ่งน่าจะประคองให้การส่งออกของไทยในปีนี้เติบโตได้ราวร้อยละ 3.3 มีมูลค่า 28,000 ล้านดอลลาร์ฯ โดยมีกรอบประมาณการอยู่ที่ขยายตัวร้อยละ 0.5-6.0 มีมูลค่าระหว่าง 27,000-29,000 ล้านดอลลาร์ฯ ในด้านการนำเข้าจากจีน ซึ่งปัจจัยฉุดสำคัญคงต้องจับตาความไม่แน่นอนของการเมืองไทย หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในกลางปีนี้ก็อาจสนับสนุนการผลิตและการลงทุนใน ไทยคึกคักมากขึ้น การนำเข้าจากจีนน่าจะขยายตัวราวร้อยละ 0.1 มีมูลค่า 38,000 ล้านดอลลาร์ฯ โดยมีกรอบประมาณการหดตัวร้อยละ 3.0 ถึงขยายตัวร้อยละ 2.0 มีมูลค่าระหว่าง 36,600-38,500 ล้านดอลลาร์ฯ และไทยยังคงเสียเปรียบดุลการค้ากับจีนราว 10,000 ล้านดอลลาร์ฯ
