
"จีแคป" ยอมรับเอ็นพีแอลเครื่องจักรเกษตรพุ่ง 7% เหตุปัญหาโครงการรับจำนำข้าวจ่ายเงินล่าช้า หวังครึ่งปีหลังสถานการณ์ดีขึ้น
นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทจีแคปปิตอล(GCAP) ผู้ให้บริการปล่อยสินเชื่อเครื่องจักรกลการเกษตร เปิดเผยว่า จากปัญหาโครงการรับจำข้าวที่จ่ายเงินล่าช้านั้น ส่งผลให้อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปัจจุบันมาอยู่ ที่ 7 % จากปีก่อน 6 % แต่บริษัทมองว่าจะสามารถควบคุมให้เอ็นพีแอลทั้งปีนี้ไม่ให้ปรับตัวขึ้นเกิน 6% ได้
“โครงการรับจำนำข้าวที่จ่าย เงินล่าช้านั้น รับก็ได้รับผลกระทบทำให้ลูกค้าจ่ายเงินได้ล่าช้ามากขึ้น ทำให้อัตราเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเกินเป้าหมายที่วางไว้ที่ 6% แต่ทั้งนี้บริษัทยังหวังว่า จะสามารถควบคุมเอ็นพีแอลทั้งปีไม่ให้เกิน 6% ได้ ทั้งนี้บริษัทยังมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญไว้อยู่ที่ 8%”
เขากล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นนั้น เป็นเรื่องของฤดูกาลที่ครึ่งปีแรก บริษัทจะมีรายได้น้อย เนื่องจากไม่ใช่ฤดูกาลเก็บเกี่ยว โดยธุรกิจจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง จะช่วยให้การเก็บเงินค่างวดนั้นทำได้ดีมากขึ้น ทั้งนี้หากลูกค้ามีปัญหาในการชำระหนี้ บริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปพูดคุยเพื่อรวมกันหาทองออก มองว่าผลกระทบเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เพราะสุดท้ายรัฐบาลต้องจ่ายเงินรับจำนำข้าวให้กับชาวนา
เขากล่าวว่าจากภาวะเศรษฐกิจ ดังกล่าว ทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการธุรกิจมากขึ้น โดยปีนี้บริษัทจะหันไปจำหน่ายรถเกี่ยวข้าวมือ 2 เพราะมีความต้องการของตลาดค่อนข้างมาก อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ไม่มีภาระหนี้สินแล้ว สามารถนำรถเกี่ยวข้าวมาขอกู้วงเงินกับบริษัทได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องของลูกค้าเพิ่มขึ้นส่วนความคืบหน้าของการปล่อยสินเชื่อน้ำมัน เพื่อเสริมสภาพคล่องนั้น พบว่าปัจจุบันได้รับผลการตอบรับที่ดี หลังจากเปิดโครงการดังกล่าวมาได้ 2 สัปดาห์มีลูกค้ามาขอวงเงินผ่านโครงการดังกล่าวแล้วรวมมูลค่ามากกว่า 5 ล้านบาท บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีสินเชื่อในส่วนนี้ที่ 10 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามสำหรับผลการดำเนินงานในช่วงต้นปีที่ผ่านมายังถือว่าเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2557 บริษัทตั้งเป้าจะมีพอร์ตสินเชื่อเติบโตขึ้น 20 % ทะลุ 1,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2556 ที่มีพอร์ตสินเชื่อ 891 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2556 บริษัท มีกำไรสุทธิ 42.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มีรายได้ 32.64 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.17 % เป็นผลมาจากรายได้จากสิทธิเรียกร้องภายใต้สัญญาเช่า อยู่ที่ 154.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 128.34 ล้านบาท หรือ 17.05 % ส่วนค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทอยู่ที่ 71.75 ล้านบาท คิดเป็น 43.91 % ของรายได้รวม โดยมีต้นทุนต่อหน่วยของรายได้อยู่ที่ 43.91% ลดลงจากปีก่อนที่ 43.91%
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2557 นั้น บล.ฟิลิปประเมินว่า จีแคปยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง จากช่องว่างของการใช้เครื่องจักรการเกษตร แทนแรงงานคนยังขยายตัวได้ แม้ปัจจุบันจะมีปัญหาโครงการรับจำนำข้าวยังคงมีปัญหาอยู่ แต่บริษัทมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อกับลูกค้าในแต่ละราย รวมถึงการวางแผนปล่อยสินเชื่อจะมีการกระจายไปยังเครื่องจักรกลการเกษตรอื่นๆ ด้วย ทั้งรถตัดอ้อยและรถหีบปาล์มเพื่อกระจายความเสี่ยงมากขึ้น โดยในปี 2557 บล.ประเมินว่าบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 16.90 % จากปีก่อน มาอยู่ที่ 50.05 ล้านบาท