สศอ.ชี้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณดีระยะสั้น ดัชนีเอ็มพีไอม.ค.ยังอยู่ทรงตัว แต่ได้เห็นอัตรากำลังการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น 61.76 % และพุ่งต่อเนื่องถึงมี.ค.รับการผลิตเทศกาลสงกรานต์ เผยปัจจัยหลังมาจากการส่งออกเริ่มดีขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ได้อานิสงส์ จับตาปัญหาการเมืองในประเทศฉุดกำลังซื้อ
นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณทางที่ดีขึ้นในระยะสั้น เห็นได้จากการสำรวจดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(เอ็มพีไอ)ในเดือนมกราคมปีนี้อยู่ ในระดับทรงตัวแม้จะยังติดลบอยู่ 6.4 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปีก่อน ซึ่งถือเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ก็ตาม แต่ในส่วนของอัตราการใช้กำลังการผลิตพบว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 61.76 % จากเดือนธันวาคมปีก่อนอยู่ที่ 59.90 % และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตน่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม น่าจะขึ้นไปที่ระดับ 66-67 % เนื่องจากผู้ประกอบการจะเร่งผลิตสินค้าเพื่อรองรับการหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายน
"ทั้งนี้ เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลักสำคัญเริ่มฟื้นตัว มีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าในช่วงนี้จะเกิดสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองก็ตาม แต่เนื่องจากสินค้าอุตสาหกรรมพึ่งตลาดส่งออกเป็นหลักปัจจัยทางการเมืองจึงส่งผลกระทบไม่มากนัก"
ส่วนเอ็มพีไอในช่วงไตรมาสแรกจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่นั้น หากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอมรับว่าคงไม่สามารถขึ้นมาเป็นบวกได้ จากที่เคยอยู่ระดับ 2.9% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศอยู่ในสภาวะไม่ปกติเหมือนกับช่วงต้นปีก่อน ขณะที่ตัวเลขจีดีพีของภาคอุตสาหกรรมจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วที่ติดลบ 2.9 % ได้หรือไม่นั้น คงต้องประเมินอีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคม
นายสมชาย กล่าวอีกว่า การที่เริ่มมีสัญญาณที่ดีเกิดขึ้นนั้น เนื่องจากการผลิตรายอุตสาหกรรมในเดือนมกราคมปีนี้ ได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.69 % เมื่อเทียบกับปีก่อนทั้งปีติดลบ 5.70 % โดยอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.60 % แต่เครื่องใช้ไฟฟ้ายังติดลบ 1.01% ซึ่งมีปัจจัยจากการผลิตสินค้าในกลุ่มไอซี ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น จากการส่งออกไปตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปจำหน่ายในประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.92% จากที่ปีก่อนติดลบ 1.58% และส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.49% จากที่ปีก่อนติดลบ 1.88%
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตามองอุตสาหกรรมยานยนต์หลังจากนี้ไปจะหดตัวลดลงหรือไม่ เนื่องจากในเดือนมกราคม การผลิตรถยนต์ลดลงไปถึง 54.44 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการเร่งผลิตรถยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศจากนโยบายรถคันแรกไปแล้ว รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่จะฉุดกำลังซื้อของผู้บริโภค
ส่วนอุตสาหกรรมอาหาร การผลิตในภาพรวมยังปรับตัวลดลงจากปีก่อน 2.1% ขณะที่การส่งออกภาพรวมลดลง 6.9% เนื่องจากการผลิตในสินค้าสำคัญส่วนใหญ่ประสบปัญหาวัตถุดิบ ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการระบาดของโรค ประกอบกับสินค้าหลายชนิดได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกทำให้การส่งออกได้รับผลกระทบจากความผันผวนของระดับราคาสินค้าในตลาดโลก
ขณะที่อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ปริมาณความต้องการบริโภคเหล็กในประเทศเดือนมกราคม มีปริมาณ 1.42 ล้านตัน ลดลง 19.12 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การผลิตมีปริมาณ 0.58 ล้านตัน ลดลง 10.20 % เนื่องจากปัญหาทางการเมืองส่งผลให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อและลดปริมาณสินค้าในคลังสินค้าเพื่อรอดูทิศทางในอนาคต
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลต่อการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมนั้น จะต้องเฝ้าติดตามการบริโภคในประเทศว่ากำลังซื้อจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขณะที่การส่งออกยังเป็นปัจจัยสำคัญว่าจะมีการขยายตัวมากน้อยเพียงใดจากสถานการณ์การเมืองในประเทศและเศรษฐกิจโลก เป็นต้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,927 วันที่ 2 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2557