สำนักงานเศรฐกิจคลัง เปิดตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 57 เดือนมกราคม สาหัสทุกตัว ลงทุน ส่งออก บริโภค การผลิต ท่องเที่ยว กอดคอกันติดลบ ปัจจัยหลักมาจากปัญหาคามขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ ยอมรับปี 57 จีดีพีโตต่ำกว่า 3 % หากปัญหาภายในยังยืดเยื้อ ด้านแบงก์ชาติยอมรับ เช็คเด้งเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค. 2557 ยังคงมีสัญญาณชะลอตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านการใช้จ่ายภายในประเทศและการผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้ากลับมาหดตัวเล็กน้อย แต่การส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าหลักสามารถขยายตัวได้ดี
ด้านการบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง สะท้อนได้จากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนม.ค. 2557 หดตัวต่อเนื่องที่ -55.9 % ต่อปี ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์หดตัวทั้งจากในส่วนภูมิภาคและในเขต กทม. โดยภาพรวมในเดือนม.ค. 2557 หดตัว -30.3 % ต่อปี
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนม.ค. 2556 อยู่ที่ระดับ 61.4% และถือเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 26 เดือน นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2554 เนื่องจากผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ส่วนยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ยังคงขยายตัวได้ 2.7% ต่อปี ส่วนหนึ่งมาจากฐานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ต่ำในเดือนมกราคม 2557
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณหดตัวลงทั้งในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและ การก่อสร้าง โดยการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุนหดตัว -19.3 % ต่อปี และปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัว -36.2 % ต่อปี ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้าง วัดภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนม.ค. 2557 หดตัว -5.5% ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 9.1% ต่อปี สะท้อนถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มหดตัว
ด้านภาคการส่งออกสินค้าของไทยหดตัว -2.0 % ต่อปี จากการส่งออกไปยังตลาดส่งออกในภูมิภาค เช่น ตลาดออสเตรเลีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง ที่หดตัว -24.2% -20.2% -18.4 % และ -14.0 % ต่อปี ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยเหลื่อมเดือนของเทศกาลตรุษจีนที่ตรงกับเดือน ม.ค.ในปีนี้และก.พ.ในปีที่แล้ว
“ส่งออกไปยังตลาดประเทศคู่ค้าหลักขยายตัวเล้กน้อย เช่น ยุโรป 4.6 % ญี่ปุ่น 1.8% และสหรัฐอเมริกา 0.4 % ส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า “
อย่างไรก็ตามด้านภาคการผลิตมีสัญญาณหดตัว สะท้อนจากดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเบื้องต้นในเดือนม.ค. 2557 หดตัวที่ -6.4% ต่อปี โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่หดตัวในระดับสูง ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับ ยานยนต์ และ อาหาร ที่หดตัว -26.5% -35.7% และ -9.0% ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ และวิทยุโทรทัศน์ ที่ขยายตัว 3.8% และ 1.6% ต่อปี ตามลำดับ
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 55 เดือน โดยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 86.9% เนื่องจากความกังวลของผู้ประกอบการที่มีต่อสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ภาคบริการสะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือนม.ค. 2557 มีจำนวน 2.3 ล้านคน ขยายตัวเล็กน้อยที่ 0.1 % ต่อปี
สำหรับเครื่องชี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศล่าสุดในเดือนก.พ. 2557 ซึ่งวัดจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วง 1- 24 ก.พ. 2557 หดตัวที่ -19.6 % ต่อปี สะท้อนผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองซึ่งทำให้ 48 ประเทศ ที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยประมาณ 92 % ประกาศเตือนการเดินทางเข้าประเทศไทย

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวในงานสัมมนาเศรษฐกิจ SCB Investment Symposium 2014:Change Ahead เปิดมุมคิดพิชิตความเปลี่ยนแปลงสู่ชัยชนะการลงทุน จัดโดยธนาคารไทยพาณิชย์ว่า ขณะนี้ยอมรับปัญหาการเมืองในประเทศได้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวเดือนม.ค.ที่โตเพียง 0.1% และเดือนก.พ.นับจนถึงวันที่ 25 ก.พ.ติดลบแล้ว 10% เทียบกับทั้งปี 2556 โตได้ถึง 20% ดังนั้นหากสถานการณ์การเมืองในประเทศยืดเยื้อไปจนถึงปลายปี 2557 คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี) ไทยคงโตได้ต่ำกว่า 3%

ด้านนางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวยอมรับว่า จากการสำรวจผู้ประกอบการภาคเอกชนของ ธปท.พบว่าสภาพคล่องผู้ประกอบการตึงตัวขึ้น ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ยังไม่น่ากังวลมากนัก โดย ธปท.จะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพราะเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวปัญหาหนี้ครัวเรือนก็จะขยับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ในไตรมาส 4/2556 หลังจากที่หนี้ภาคครัวเรือนไตรมาส 3 อยู่ที่ 80.1 % ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขปริมาณเช็คคืนไม่มีเงิน หรือเช็คเด้ง เดือนมกราคม 2557 ที่มีจำนวนรวม 76,600 ใบ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 15.06 % มีมูลค่าเช็คเด้งรวม 12,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.35% แต่เป็นการเพิ่มขึ้นไม่มากนัก หากเทียบปริมาณเช็คเด้งกับปริมาณเช็คทั้งระบบที่พบว่าเช็คเด้งในเดือนมกราคม คิดเป็นสัดส่วน 0.30% เมื่อเทียบกับปริมาณเช็คทั้งระบบ จากเดือนธันวาคมที่อยู่ที่ 0.22% และยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เช็คเด้งที่เพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจรายย่อยและเอสเอ็มอีหรือไม่ แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตว่าธุรกิจดังกล่าวจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอ ตัวมากที่สุด