สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

พายุการเมืองถล่ม 'เอสเอ็มอี'
09/02/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

กสอ.ออกโรงเผยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกระทบหนักจากเหตุการเมือง 10 กลุ่มอุตสาหกรรมยอดขายวูบ อัญมณีและโอท็อป กระทบหนักสุด นักท่องเที่ยวหาย ลามถึงงานแสดงสินค้าบางกอกเจมส์ ยกเลิกการเข้าร่วมงานแล้ว 10% ขณะที่ตัดเย็บเสื้อผ้าย่านประตูน้ำยอดขายลดลงกว่า 80% เครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังซื้อหดกว่า 30%

อรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

นางอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าจากที่กสอ.ได้ทำการสำรวจผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ในจำนวน 10 กลุ่มอุตสาหกรรม ถึงผลกระทบทางการเมืองที่ยืดเยื้อมากว่า 3 เดือน พบว่าขณะนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เริ่มได้รับผลกระทบจากยอดจำหน่ายที่ลดลงแล้ว เนื่องจากการบริโภคที่ชะลอตัว และมีผลต่อเนื่องทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน เพราะไม่สามารถเรียกเก็บเงินค่าสินค้าและบริการระหว่างกันได้

"อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับได้รับผลกระทบค่อนข้างมากที่สุด เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้การค้าในประเทศกว่าครึ่งหนึ่งที่ผูกกับกลุ่มทัวร์และนักท่องเที่ยวหายไปมาก จากปกติจะจำหน่ายได้ดีในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อีกทั้งนักท่องเที่ยวย้ายไปเที่ยวในต่างจังหวัดแทน ทำให้สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้รับผลกระทบตามไปด้วย"

นอกจากนี้ การพึ่งตลาดส่งออกของสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ต้องพึ่งกิจกรรมการส่งเสริมการขายผ่านการจัดงานแสดงสินค้า โดยเฉพาะงานบางกอกเจมส์ที่จะมีขึ้นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ เริ่มได้รับการผลกระทบตามไปด้วย เนื่องจากมีการยกเลิกการจองการเข้าร่วมงานแล้วประมาณ 10% ซึ่งอาจจะมีผลต่อยอดการส่งออกตามมาภายหลังได้

ขณะเดียวกันยังพบว่าสินค้าโอท็อปได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากยอดขายสินค้าในกลุ่มของใช้ ของที่ระลึก ซึ่งปกติจะมียอดขายช่วงปลายปีถึง 70% แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้น ทำให้บรรยากาศการซื้อสินค้าในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบรุนแรง ส่วนกลุ่มโอท็อปที่ได้รับผลกระทบรองลงมาเป็นสินค้าประเภทผ้า เครื่องแต่งกายและอาหาร

นางอรรชกา กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบปานกลางจะมีอยู่ 8 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมอาหารผู้ประกอบการเริ่มมีรายได้ที่ลดลง เกิดจากการขาดสภาพคล่องทางการเงินและหากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไปอีก อาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารได้ และหากรัฐบาลยังไม่สามารถจ่ายเงินจำนำข้าวได้จะกระทบต่อกลุ่มนี้อย่างรุนแรง

ขณะที่อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทั้งจากการปรับตัวของต้นทุนต่างๆ ตามนโยบายภาครัฐ และผลกระทบจากการชุมนุม ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหากลุ่มลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น เพื่อรักษายอดขายให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

ส่วนกลุ่มสิ่งทอ โรงงานส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่การชุมนุม จึงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่การปิดสถานที่ราชการส่งผลให้กระบวนการขั้นตอนในการส่งออกมีความล่าช้า ขณะที่ประเทศผู้นำเข้าเร่งการส่งออกให้เร็วขึ้น เนื่องจากความวิตกกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองของไทย

"กลุ่มเอสเอ็มอีที่ตัดเย็บเสื้อผ้าซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่การชุมนุม เช่น ประตูน้ำ แพลทินัม ค่อนข้างได้รับผลกระทบสูง เนื่องจากยอดจำหน่ายลดลงกว่า 80 % ทำให้ยอดการสั่งซื้อลดลง อีกทั้งการลงทุนเพิ่มในเรื่องของเครื่องจักรตัดเย็บเสื้อผ้าเริ่มชะลอเนื่องจากผู้ประกอบการรอดูสถานการณ์ ขณะที่เอสเอ็มอีที่ส่งออกยังพอมีออร์เดอร์อยู่บ้าง" นางอรรชกา กล่าวและว่า

สำหรับเอสเอ็มอีที่ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้ประกอบการที่อยู่ในกลุ่มของอุปกรณ์ประดับรถยนต์ ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากนโยบายรถยนต์คันแรก ทำให้ยอดจำหน่ายในปัจจุบันลดลงเกือบ 50% เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศลดต่ำลง ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ประกอบการในสาขาเครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับผลระทบจากผู้บริโภคซื้อลดลง การตัดสินใจซื้อยากขึ้น ส่งผลให้ยอดการขายในกลุ่มนี้ลดลงไปกว่า 30%  รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องหนัง เช่น รองเท้า เครื่องหนังในห้างและร้านค้าที่ใกล้กับการชุมนุมได้รับผลกระทบรุนแรง ในขณะที่สินค้าส่งออกไม่มีผลกระทบมากนัก แต่จะมีอุปสรรคในการขนส่งบ้าง เนื่องจากโกดังสินค้าที่อยู่ในประตูน้ำเข้าออกลำบาก

"ด้านการช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมนั้น ในระยะสั้นคงต้องให้ผู้ประกอบการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยเฉพาะการลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รวมถึงการวางแผนการผลิตให้รัดกุม เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนด้านพลังงาน ค่าประกันความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ การลดสต๊อกสินค้า เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น อีกทั้ง การใช้แรงงานที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด หรือาจจะเลือกจ้างงานพาร์ตไทม์เพิ่มมากขึ้น แทนที่จะรับพนักงานใหม่เข้ามา รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้มากขึ้น เช่น การขายผ่านทางโทรศัพท์และออนไลน์ แทนที่จะขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียว เป็นต้น"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,920 วันที่ 6 - 8    กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.