สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

เจซีซี เผยผลสำรวจบริษัทญี่ปุ่นยังมั่นใจลงทุนไทย อยากเห็นการเมืองเข้าสู่ความสงบ
06/02/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

นายเซ็ทซึโอะ อิอุจิ ประธานคณะสำรวจเศรษฐกิจ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (เจซีซี )  กล่าว่าหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ได้ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองของไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา   ทั้งนี้นักลงทุนญี่ปุ่นในฐานะหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับประเทศไทยมาช้านาน อยากให้สถานการณ์นี้สิ้นสุดและเข้าสู่ความสงบโดยเร็วที่สุด สำหรับบริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้วให้สัญญาว่าจะเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจตลอดไปและจะดำเนินธุรกิจต่อไป อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจหรือเพิ่มธุรกิจในประเทศไทยและที่จะเข้ามาลงทุนใหม่ก็จะไม่พิจารณาประกอบเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ประเทศอื่นๆ โดยแต่ละบริษัทจะจับตามองสถานการณ์การเมืองว่าจะยืดเยื้อหรือสงบลงอย่างไรต่อไป  ซึ่งในฐานะบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย หวังจะให้สถานการณ์ ณ ปัจจุบันสิ้นสุดโดยเร็ว เพื่อให้ประเทศไทยและญี่ปุ่นร่วมพัฒนาเศรษฐกิจไทยต่อไป

ทั้งนี้สถานการณ์ทางการเมืองในไทยยังส่งผลต่อการเดินทางเข้าติดต่อธุรกิจในไทยให้ลดลง กระทบกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมโรงแรมจึงได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม การติดต่อประสานงานกับภาครัฐด้านพิธีการศุลกากรและอื่นๆ กับรัฐบาลไทยยังคงติดต่อได้ตามปกติ ดังนั้น ผลกระทบจึงอยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะกระทบการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ รวมทั้งกระทบทางจิตวิทยา และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในที่สุด ณ ปัจจุบันนักลงทุนยังไม่ปรับเปลี่ยนทัศนะต่อประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิต แต่หากเหตุการณ์ยืดเยื้ออาจมีการปรับเปลี่ยนไปได้

ผลสำรวจแนวโน้มเศรษฐกิจไทยของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ในช่วงครึ่งปีแรก 2557ซึ่งสำรวจในช่วงที่มีการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ของกลุ่ม กปปส. พบว่า บริษัทส่วนใหญ่ 73%  เรียกร้องให้รัฐบาลไทยรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพทางการเมือง รองลงมา 46%ต้องการให้พัฒนาปรับเปลี่ยนการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับระบบภาษีศุลกากร ขณะที่ 44%เรียกร้องให้พัฒนาระบบสาธารณูปโภคในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลและ 36%ต้องการให้ดำเนินการป้องกันอุทกภัยอย่างจริงจัง ส่วนมุมมองต่อสภาพการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรก 2557พบว่าส่วนใหญ่มองว่า สภาพธุรกิจจะดีขึ้น โดยเป็นการปรับตัวดีขึ้นทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็กและโลหะและอุตสาหกรรมเครื่องจักรที่ใช้ในการขนส่ง ส่วนในอุตสาหกรรมขนส่งที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมการผลิต นักธุรกิจญี่ปุ่นมองว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคการค้าและค้าปลีก ทั้งนี้ บริษัท 62%คาดการณ์ว่ายอดขายรวมจะเพิ่มขึ้น โดย 86%คิดว่าจะมีกำไรก่อนหักภาษี ส่วนบริษัทที่ขาดทุนจะขาดทุนลดลงและจะเปลี่ยนเป็นรายรับ-รายจ่ายสมดุลกัน โดยด้านการลงทุนโรงงานและเครื่องจักรยังคงมีการเดินหน้าลงทุนเพิ่มในอุตสาหกรรมการผลิต สำหรับแนวโน้มการส่งออกของอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ประมาณ 41%เชื่อว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยตลาดที่มีอนาคตสดใสคือ อินโดนีเซีย รองลงมาเป็นเวียดนามและพม่า ขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่การผลิต ตลาดที่มีอนาคตสดใส คือ กัมพูชาและลาว ส่วนด้านการพัฒนาและขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ภายใต้แนวคิด Thailand Plus One ผู้ประกอบการ 54%ระบุว่า ยังไม่มีแผนดำเนินการ ส่วน 28%ได้ดำเนินการไปแล้ว ขณะที่ 19%มีแผนดำเนินการหรืออยู่ระหว่างการพิจารณา โดยประเทศที่เป็นเป้าหมายในการขยายธุรกิจออกไปในอนาคต คือ อินโดนีเซีย รองลงมาเป็นเวียดนามและพม่า

โดยผู้ประกอบการญี่ปุ่นใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในการกำหนดแผน ธุรกิจส่วนใหญ่ อยู่ในช่วง 31.5บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินเยนต่อเงินบาท ใช้ที่ 3.1-3.2เยน/บาท ด้านการจัดหาชิ้นส่วนและวัตถุดิบ ส่วนใหญ่หาภายในไทยและอาเซียน และลดการนำเข้าจากญี่ปุ่นลง สำหรับปัญหาและความท้าทายในการบริหาร คือ การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และบริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ 52% ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดย 64% ระบุว่าขาดระดับผู้จัดการ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้มาตรการเพิ่มเงินเดือนค่าจ้าง และจัดสรรสวัสดิการอย่างทั่วถึง

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.