สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ภาคอุตสาหกรรม ดัชนีความเชื่อมั่นดิ่งเหว
24/01/2014
ข่าวเศรษฐกิจ

เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 เป็นต้นมา ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงความเชื่อมั่นการผลิตของภาคอุตสาหกรรมลดลงอย่างต่อเนื่อง  ผลการสำรวจผู้ประกอบการจำนวน 1,025 ราย ครอบคลุม 42 กลุ่มอุตสาหกรรมทั้งขนาดย่อม ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ในช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 25 เดือน นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 โดยมีค่าดัชนีอยู่ที่ 88.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 90.3 ในเดือนพฤศจิกายน 2556

http://www.thanonline.com/images/stories/article2014/2915/802.jpg
+++การเมืองฉุดยอดคำสั่งซื้อ
    เหตุผลหลักที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงนี้ เสียงสะท้อนส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่ผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมืองและไม่สามารถคลี่คลายได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งทำให้เกิดการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กระทบต่อการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศ และยังมีผลกระทบไปถึงประเทศคู่ค้าที่ชะลอการสั่งซื้อ เนื่องจากไม่มีความมั่นใจว่าผู้ผลิตจะสามารถผลิตสินค้าได้ตามเวลาที่กำหนด จึงลดความเสี่ยงและหันไปสั่งผลิตสินค้าจากประเทศอื่นแทน
    นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท.สะท้อนให้เห็นว่า ขณะนี้ความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงทุกกลุ่ม แม้ว่าอุตสาหกรรมขนาดย่อม ความเชื่อมั่นในเดือนธันวาคมปีก่อนจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 85.3 จากระดับเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 85.9 ก็ตาม แต่เนื่องจากเกิดการขาดสภาพคล่องทางด้านการเงินเป็นจำนวนมาก ประกอบกับภาวะตลาดที่หดหายไป ยอดคำสั่งซื้อและยอดขายโดยรวมลดลง ส่งผลต่อปริมาณการผลิต  ทำให้มีความเป็นห่วงว่าจะประสบปัญหาการขาดทุนตามมาและไม่สามารถอยู่รอดได้ ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมแก้วกระจก อุตสาหกรรมแกรนิตและหินอ่อน และอุตสาหกรรมเซรามิก เป็นต้น
    ขณะที่อุตสาหกรรมขนาดกลาง ค่าดัชนีในเดือนธันวาคม 2556 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 89.2 จากระดับ 91.5 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมีผลมาจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ปรับตัวลดลง โดยอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและโลหะการ อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ และอุตสาหกรรมหลังคาและอุปกรณ์ เป็นต้น
    ส่วนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นั้น ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯในเดือนธันวาคม 2556 ปรับตัวลดลงเช่นกันมาอยู่ที่ 90.2 จากระดับ 93.8 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมีปัจจัยเดียวกันกับอุตสาหกรรมขนาดย่อม และขนาดกลาง ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเคมี เหล็ก โรงกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
+++ห่วงเอสเอ็มอีกระทบหนัก
    นอกจากนี้ หากแยกเป็นรายภูมิภาค จะพบว่าภาคกลาง ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯในเดือนธันวาคมลดลงมาอยู่ที่ 83.9 จากระดับ 90.3 ในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากมีความกังวลต่อปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการที่ส่งออก ประสบปัญหาจากประเทศคู่ค้าชะลอคำสั่งซื้อ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ยังต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงาน และราคาพลังงาน ซึ่งค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯที่ลดลงนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ ที่มียอดคำสั่งซื้อกระดาษแข็งจากประเทศญี่ปุ่นและจีนลดลง
    ขณะที่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ มียอดขายในประเทศลดลง เนื่องจากอยู่ในช่วงวันหยุดยาว ส่งผลให้ปริมาณการผลิตและความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรมลดลงตาม รวมถึงอุตสาหกรรมเหล็ก ที่มียอดขายท่อเหล็ก เหล็กเส้น ในประเทศลดลงตามภาวการณ์ก่อสร้างที่ชะลอตัว
    ส่วนภาคตะวันออก ค่าดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนธันวาคม 2556 ก็ปรับตัวลดลงเช่นกันมาอยู่ที่ 91 จากระดับ 91.7 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมีปัจจัยมาจากความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง และยอดคำสั่งซื้อและยอดขายต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน โดยอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อผ้าเบรก และชิ้นส่วนต่างๆ จากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นลดลง อุตสาหกรรมอะลูมิเนียม ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรกลมียอดขายลดลง อุตสาหกรรมเคมี เช่น สีผง สีทาบ้าน มียอดขายลดลง เป็นต้น
    แม้แต่ภาคใต้เอง ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯในเดือนธันวาคม 2556 ลดลงมาอยู่ระดับ 87.5 จากระดับ 88.2 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งส่วนหนึ่งมีความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง แล้วการก่อการร้ายในพื้นที่ภาคใต้ยังทำให้ภาคการลงทุนและการท่องเที่ยวชะลอ ตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ได้รับผลกระทบจากยอดขายในตลาดหลักอย่างจีนและอาเซียนที่ชะลอการสั่งซื้อ เนื่องจากมีสต๊อกสินค้าในปริมาณสูง ส่วนอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูป ยังประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน
+++เหนือ/อีสานยังพอมีข่าวดี
    อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคเหนือ ที่ได้อานิสงส์จากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปภาคเหนือมากขึ้น รวมทั้ง การค้าชายแดนที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง ทำให้อุปสงค์ของสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯปรับตัวเพิ่มมาอยู่ที่ 96.3 จากระดับ 93.1 ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมยาและสมุนไพรที่มียอดขายเพิ่มขึ้น
    ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลดีจากการค้าชายแดน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น จากการจัดโปรโมชันในช่วงสิ้นปี สินค้าประเภทเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น มียอดการส่งออกไปในแถบยุโรปเพิ่มขึ้น เป็นต้น ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นมาที่ 93.1 จากระดับ 89.2 ในเดือนพฤศจิกายน
+++ไตรมาสแรกทรุดต่อเนื่อง
    ทั้งนี้ หากประเมินดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 นี้ ประธานส.อ.ท.ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ยังไม่น่าสดใสและดัชนีความเชื่อมั่นอาจปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ได้อีก โดยมีปัจจัยมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองและภาวะการส่งออกที่อาจจะชะลอตัว ที่จะส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรลดลง โดยประเมินได้จากกำลังซื้อภายในประเทศหดหายไป สะท้อนให้เห็นถึงดัชนีผู้บริโภคลดลงเรื่อยๆ ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 เป็นต้นมา ภาวะการลงทุนในภาพรวมของประเทศปรับตัวลดลงมาถึง 7-8% การใช้กำลังการผลิตก็ลดลง 7-8% การนำเข้าสินค้าทุนลดลง 18% และการนำเข้าวัตถุดิบลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนตุลาคม 2556 เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอนาคตว่า ภาคการผลิตจะลดลงหรือไม่มีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามา
    เห็นได้จากผลการสำรวจ มีการคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าว่า จะอยู่ที่ระดับ 100.9 ลดลงจากระดับ 101.4 จากเดือนพฤศจิกายน 2556
    "ขณะนี้เองมีหลายธุรกิจที่เริ่มจะปรับแผนการบริหารงานหรือลงทุนใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะผู้ประกอบการเองก็ไม่มีความมั่นใจว่าเหตุการณ์จะยุติลงเมื่อใด และหากยืดเยื้อไปนานก็จะส่งผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจและสังคมมากยิ่งขึ้น"
    ดังนั้น สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการขณะนี้ จะทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหันมามาพูดคุยกัน เพื่อนำประเทศไปสู่ความสงบเรียบร้อย และไม่ทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย ส่วนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการจะกลับมาได้เมื่อใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า เหตุการณ์ทางการเมืองจะยุติเร็วได้เมื่อใด

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 34 ฉบับที่ 2,915  วันที่  19 - 22  มกราคม  พ.ศ. 2557

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.