ปี 2556 ถือว่ายังเป็นปีทองของหุ้นไอพีโอ หรือหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ทั้งในแง่ของจำนวนบริษัทที่ระดมทุนและราคาเปิดตลาดวันแรก โดยมีจำนวนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 24 ธันวาคม 2556 จำนวน 28 บริษัท แบ่งเป็น SET จำนวน 13 บริษัท และตลาดเอ็ม เอ ไอ จำนวน 15 บริษัท มีมูลค่าการระดมทุนรวม 3.9 หมื่นล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ณ ราคาไอพีโอ 1.94 แสนล้านบาท

สำหรับปี 2555 มีบริษัทจดทะเบียนใหม่ 18 บริษัท แบ่งเป็น SET จำนวน 8 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จำนวน 10 บริษัท มีมูลค่าการระดมทุนรวม 1.96 หมื่นล้านบาท และมีมาร์เก็ตแคป ณ ราคาไอพีโอ 6.82 หมื่นล้านบาท
ด้านราคาหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายวันแรก ส่วนใหญ่ปิดเหนือราคาไอพีโอ จากการรวบรวมข้อมูลของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า 10 อันดับหุ้นไอพีโอที่ราคาเปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดยังคงเป็นหุ้นขนาดเล็ก โดยอันดับ 1 คือ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน)(บมจ.) เปิดตลาดวันแรกที่ 6.75 บาท ราคาไอพีโออยู่ที่ 2.25 บาท เพิ่มจากไอพีโอ 200%
บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ ประกอบธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องจักรสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการประกอบและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ขายหุ้นไอพีโอจำนวน 50 ล้านหุ้น เสนอขายที่ราคาหุ้นละ 2.25 บาท (พาร์หุ้นละ 0.50 บาท ) ที่ปรึกษาทางการเงินระบุว่าราคามีส่วนลดราว 25% เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) วันที่ 1 มีนาคม 2556
อันดับ 2 คือ บมจ.อัคคีปราการ เปิดตลาดวันแรกที่ 5.85 บาท กำหนดราคาไอพีโอ 2.00 บาท เพิ่มขึ้น 192.50 % บริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจบริหารศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรม (เตาเผาขยะอุตสาหกรรม) บางปู จ.สมุทรปราการ เตากำจัดกากอุตสาหกรรมอันตรายด้วยความร้อนสูงที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมแห่งเดียวในประเทศไทย
อันดับ 3 บมจ. ฟิลเตอร์ วิชั่น เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก เปิดตลาดที่ 3.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.30 บาท หรือ 191.67% จากราคาไอพีโอที่ 1.20 บาทต่อหุ้น บริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจเป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำให้บริสุทธิ์ เช่น ระบบกรองน้ำ ถังกรองไฟเบอร์กลาส หัวกรองน้ำอัตโนมัติ ไส้กรองน้ำ เครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเล็ต และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบกรองน้ำให้บริสุทธิ์ (ดูตารางประกอบ 10 อันดับหุ้นไอพีโอที่ราคาเปิดสูงสุดปี 2556 )
สำหรับหุ้นไอพีโอที่เข้าตลาดวันแรกราคาปิดต่ำจองมีเพียง 2 บริษัท ได้แก่ บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น ซื้อขายวันแรกเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ราคาปรับลง 29.33% จากราคาไอพีโอที่ 3 บาท และบมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นหุ้นไอพีโอที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯตามเกณฑ์มาร์เก็ตแคป ราคาปรับตัวลง 22.86% จากราคาไอพีโอที่ 3.50 บาท
ปิดท้ายที่หุ้นไอพีโอตัวสุดท้ายของปี 2556 คือ บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช เปิดซื้อขายวันแรกวันที่ 24 ธันวาคม ท่ามกลางหมอกควันจากปัจจัยลบการเมือง แต่ถือว่าหุ้นน้องใหม่ตัวนี้ยังทำผลงานได้แจ๋ว โดยเปิดตลาดที่ 1.50 บาท สูงกว่าราคาไอพีโอที่ 0.90 บาท เพิ่มขึ้น 66.67 %
นอกจากนี้หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ได้เพียงวันเดียว ถัดมาวันที่ 25 ธันวาคม หุ้นป้ายแดงอย่างโอเชี่ยน คอมเมิรช ก็อัดข่าวดีเพื่อเสริมปัจจัยพื้นฐานและเติมเสน่ห์ให้ราคาหุ้น
โดย "อุชัย วิไลเลิศโภคา" กรรมการผู้จัดการ บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช เผยว่าบริษัทได้รับคำสั่งซื้อสำหรับผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำจากประเทศจีนมูลค่า 50 ล้านบาท โดยเป็นยอดสั่งซื้อสูงสุดเท่าที่เคยมีมา คิดเป็นสัดส่วนเท่ากับยอดขายของบริษัท 18% ของปี 2555 ซึ่งมีมูลค่า 270 ล้านบาท จากเดิมค่าเฉลี่ยคำสั่งซื้อแต่ละล็อตมีมูลค่าประมาณกว่า 10 ล้านบาทเท่านั้น จึงถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับบริษัทว่าในอนาคตจะมีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เพิ่มขึ้นได้อีก
เขายังกล่าวถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2557 ของบมจ.โอเชี่ยนคอมเมิรช ว่ามีแผนขยายฐานลูกค้ามากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ เนื่องจากยังมีกำลังซื้อสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายและภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2557 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2558 ที่จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ทำให้บริษัทเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว และคาดว่าจะเปิดตลาดใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น
ทั้งหมด คือ ความเคลื่อนไหวหุ้นไอพีโอ ปี 2556 ปีทองของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ที่พบว่าหุ้นตัวเล็ก หรือหุ้นจิ๋ว ยังสร้างผลงานได้ดีในด้านราคาเปิดตลาด โดย 10 อันดับแรกที่ราคาเปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด อยู่ระหว่าง 96 -200%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,909
วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 1 มกราคม พ.ศ. 2557