สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

ธนาคารโลกให้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยกว่า 4พันล้าน แก่ประเทศเมียนมาร์
02/10/2013
ข่าวเศรษฐกิจ

การขาดแคลนกระแสไฟฟ้ายังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ในการพัฒนาเศรษฐกิจของเมียนมาร์ แต่ปัญหาดังกล่าวกำลังจะได้รับการคลี่คลายและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยล่าสุดในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (24 ก.ย.) ธนาคารโลกได้อนุมัติเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยมูลค่า 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4.39 พันล้านบาทให้แก่รัฐบาลเมียนมาร์ เพื่อใช้สนับสนุนการปรับปรุงสมรรถนะของโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าแห่งหนึ่งในรัฐมอญซึ่งอยู่ทางชายฝั่งด้านตะวันตกของประเทศ

ประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ประกาศนโยบายพัฒนาประเทศ เน้นเพิ่มคุณภาพชีวิตและกระจายความเจริญ แต่ปัจจุบันกว่า 70 % ของประชากรยังประสบปัญหาไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้    ธนาคารโลกอนุมัติเงินกู้ดังกล่าวผ่านทางสมาคมเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ หรือ ไอดีเอ (International Development Association: IDA) ซึ่งเป็นกองทุนที่ธนาคารโลกจัดสรรขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่มยากจนที่สุดของโลก วงเงินที่อนุมัติให้กับรัฐบาลเมียนมาร์ในครั้งนี้จะนำไปใช้ในการติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ที่สำคัญในโรงไฟฟ้าท่าตอน (Thaton) ซึ่งเป็นโรงผลิตกระแสไฟฟ้าแบบทันสมัยแห่งแรกของเมียนมาร์และมีกำลังการผลิต 106 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐมอญ และเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านพลังงานของเมียนมาร์

    แถลงการณ์ของธนาคารโลกระบุว่า ภายใต้แผนปรับปรุงสมรรถนะของโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าครั้งนี้ เงินกู้ส่วนหนึ่งจะใช้ในการติดตั้งกังหันก๊าซอันใหม่แทนตัวเดิมที่เก่ามากแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมรรถนะการผลิต โดยจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 250% เมื่อเทียบกับกังหันตัวเก่า แต่ขณะเดียวกันก็จะลดมลพิษด้านเสียงและลดการปล่อยก๊าซที่เป็นอันตรายต่อสภาวะแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคารโลกที่ต้องการส่งเสริมการผลิตพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อชุมชนและลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ข่าวระบุว่า การอนุมัติเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยก้อนนี้ของธนาคารโลกมีขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยมีการอนุมัติเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่ามูลค่า 80 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 2.5 พันล้านบาทมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยในครั้งนั้น ธนาคารโลกมอบเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่เมียนมาร์เพื่อนำไปใช้ในโครงการพัฒนาชุมชนระยะเวลา 6 ปี เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตชนบทที่จะให้ประโยชน์แก่ประชาชน 3.5 ล้านคน รวมถึงการปรับปรุงระบบบริหารจัดการด้านการเงินของภาครัฐ    

    นายแอ็กเซิล ฟาน ทร็อตเซ่นเบิร์ก รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกตะวันออก เปิดเผยว่า การจัดหาบริการด้านพลังงานที่สามารถวางใจได้ให้กับประชาชนที่ยากไร้คือสิ่งสำคัญยิ่งยวดที่จะช่วยยุติความยากจนและกระจายความเจริญอย่างทั่วถึงในสังคม ผู้บริหารของธนาคารโลกยังกล่าวด้วยว่า ธนาคารกำลังพยายามสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนด้านการผลิตและระบบส่งไฟฟ้าในเมียนมาร์มากขึ้นด้วย ด้านนายกันธาน ชังการ์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศเมียนมาร์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เมียนมาร์กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงซึ่งมีศักยภาพในการที่จะลดปัญหาความยากจนได้มาก การมีกระแสไฟฟ้าใช้อย่างพอเพียงและสม่ำเสมอจะช่วยสร้างงานและทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น

    แหล่งข่าวใกล้ชิดโครงการดังกล่าวเปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นของเมียนมาร์ว่า โครงการนี้น่าจะช่วยพัฒนาเสถียรภาพด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับรัฐมอญได้มาก เนื่องจากก่อนการอนุมัติเงินช่วยเหลือโครงการใดๆ ธนาคารโลกจะเข้าไปสำรวจในพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลโดยตรงจากประชาชนท้องถิ่นอย่างละเอียดรอบคอบ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2555 และมีการพบปะหารือกับรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐมอญแล้วสองครั้งก่อนจะมีการอนุมัติเงินกู้

    โรงไฟฟ้าหลายแห่งในเมียนมาร์มีสภาพเก่าแก่และสร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามโลก เช่นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งนี้ ตั้งอยู่ในรัฐกะยา (Kayah) สร้างโดยญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีอายุการใช้งานนานกว่า 50 ปีแล้ว    แถลงการณ์ของธนาคารโลกยังระบุด้วยว่า โรงไฟฟ้าท่าตอนจะผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้ใช้ภายในรัฐมอญและส่งออกไปยังรัฐอื่นๆของเมียนมาร์ด้วย โดยจะสามารถตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าประมาณ 5% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศในช่วงเวลาที่มีการใช้มากที่สุด และจะสามารถสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าถึง 50 % ภายในรัฐมอญ

    ด้านโฆษกของรัฐบาลท้องถิ่นรัฐมอญเปิดเผยกับสื่อเมียนมาร์ว่า ปัจจุบันการขาดแคลนกระแสไฟฟ้ายังคงเป็นปัญหาในรัฐมอญ ทั้งนี้ในรัฐมอญมี 10 จังหวัด และในจำนวนนี้มี 2 จังหวัดที่ประชาชนยังไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ แต่ในขณะเดียวกัน การเปิดประเทศของเมียนมาร์ได้ดึงดูดนักลงทุนรวมทั้งนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังรัฐมอญเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีโรงแรมเปิดใหม่ผุดขึ้นจำนวนมาก ยิ่งกดดันให้มีความต้องการใช้กระแสไฟฟ้ามากขึ้นเป็นเงาตามตัว จึงเห็นได้ชัดว่าโครงการเพิ่มสมรรถนะโรงไฟฟ้าท่าตอนจะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการพัฒนาให้กับรัฐมอญ

    อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันมีเสียงสะท้อนจากประชาชนในท้องถิ่นว่าโครงการดังกล่าวควรจะให้ประโยชน์แก่ท้องถิ่นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกร้องความโปร่งใสเกี่ยวกับการใช้เงินกู้ก้อนนี้ นายซอ มิน อู ซึ่งอาศัยอยู่ในจังหวัดมะละแหม่ง เมืองหลวงของรัฐมอญ ห่างจากที่ตั้งของโรงไฟฟ้าท่าตอนประมาณ 1 ชั่วโมง (ด้วยการเดินทางโดยรถยนต์) ให้ความเห็นว่า การให้เงินสนับสนุนโครงการควรจะเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเป็นการใช้เงินอย่างสูญเปล่า "ประชาชนในพื้นที่ควรจะได้รับรู้ว่ารัฐบาลใช้งบทำอะไรและอย่างไร ทุกอย่างควรจะโปร่งใส ควรจะมีองค์กรอิสระเข้ามาดูแลการใช้เงินในโครงการนี้ด้วย"     

    ทั้งนี้ข้อมูลของธนาคารโลกชี้ว่า ในปัจจุบัน ประชาชนกว่า 70 % ของประชากรทั้งประเทศเมียนมาร์ ยังคงไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ และมีเพียง 16 % ของครัวเรือนในเขตเมืองใหญ่ที่สามารถใช้ไฟฟ้าจากระบบส่งไฟฟ้าของทางการ    

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.