ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม มิ.ย.วูบ หวั่นหลายปัจจัยเสี่ยงกระทบ ล่าสุดความกังวลยังส่งผ่านไปยังดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่ปรับตัวลดลงและมีค่าต่ำกว่า 100 จี้รัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย (Thai Industries SentimentIndex: TISI) ประจำเดือนมิถุนายน 2556 จำนวน 1,039 ราย ครอบคลุม 42 กลุ่มที่เป็นสมาชิกในส.อ.ท. แยกเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดย่อม อุตสาหกรรมขนาดกลาง และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 29.5%, 39.9% และ 30.6% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ตามลำดับ โดยผลการสำรวจพบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่น ในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ระดับ 93.1 ลดลงจากระดับ 94.3 ในเดือนพฤษภาคม ค่าดัชนีความเชื่อมั่นที่ลดลงเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
ทั้งนี้ปัจจัยลบที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ในเดือนมิถุนายน ได้แก่ ความกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ การชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่ภาครัฐยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัญหาการเมืองที่ผู้ประกอบการให้น้ำหนักมากขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้า ขณะเดียวกันภาคการส่งออกมีสัญญาณการชะลอตัวจากความเปราะบางของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ตลอดจนต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับหลายหน่วยงานเริ่มปรับลดประมาณการ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย จากความกังวลดังกล่าว ยังส่งผ่านไปยังดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่ปรับตัวลดลงและมีค่าต่ำกว่า 100
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 98.7 ปรับลดลงจากระดับ 100.4 ในเดือนพฤษภาคม ค่าดัชนีความเชื่อมั่น ที่ลดลงเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
นายพยุงศักดิ์ยังกล่าวอีกว่า ดัชนีความเชื่อมั่นจำแนกตามขนาดของอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมขนาดย่อม ปรับเพิ่มขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ปรับลดลงจากเดือนพฤษภาคม โดยอุตสาหกรรมขนาดย่อม มีค่าดัชนีความเชื่อมั่น เดือนมิถุนายน อยู่ที่ระดับ 89.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 86.6 ในเดือนพฤษภาคม
"อุตสาหกรรมขนาดย่อมที่ค่าดัชนีปรับเพิ่มขึ้น เช่น อุตสาหกรรมแกรนิตและหินอ่อน, อุตสาหกรรมแก้วและกระจก, และอุตสาหกรรมเซรามิก ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่น คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 99.4 เพิ่มขึ้นจากระดับ 97.9 ในเดือนพฤษภาคม โดยองค์ประกอบดัชนีคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจำแนกตามการส่งออก แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เน้นตลาดในประเทศ และกลุ่มที่เน้นตลาดต่างประเทศ ที่ค่าดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงแล้วทั้ง 2 กลุ่ม ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มที่มีการส่งออกตั้งแต่ 50% ของยอดขายขึ้นไป (เน้นตลาดในต่างประเทศ) พบว่า ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ สำหรับอุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ที่ค่าดัชนีลดลงได้แก่ อุตสาหกรรมเหล็ก, อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น
อย่างไรก็ตามจากค่าดัชนีความเชื่อมั่นเดือนมิถุนายน 2556 ที่ลดลงครั้งนี้ ภาคเอกชนมีข้อเสนอแนะถึงภาครัฐ คือให้ภาครัฐเร่งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง อีกทั้งขยายขอบเขตความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการSMEsไทย พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้บริโภคใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศเพื่อทดแทนสินค้านำเข้าที่ด้อยคุณภาพและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต ให้กับผู้ประกอบการ SMEs"