สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในรายงานการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจประจำปีของเยอรมนี ซึ่งจัดทำโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มีการปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปี 2556 ลงเหลือ 0.3% จากเมื่อ 2 เดือนก่อนที่ประเมินไว้ที่ 0.6% โดยไอเอ็มเอฟอ้างเหตุผลจากผลพวงของความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศสมาชิก 17 ประเทศของยูโรโซน ส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกย่ำแย่กว่าความคาดหมาย และกระทบทั้งการส่งออกและการลงทุน
"มันอาจเป็นปัจจัยฉุดการลงทุนยาวนานกว่าที่เราคาด" ซูเบอร์ ลัลล์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเยอรมนีของไอเอ็มเอฟ กล่าว ขณะเดียวกันตัวเลขประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 2557 จะถูกปรับลดลงจาก 1.5% เหลือประมาณ 1.3% ซึ่งหากเศรษฐกิจเยอรมนีชะลอตัวลงตามการคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟ จะยิ่งทำให้ยูโรโซนฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบันได้ยากขึ้น
ด้านรัฐบาลเยอรมนีคาดหมายการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ที่ 0.5% และ 1.6% ในปี 2557 ทั้งนี้เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว 0.7% ในปี 2555 เป็นการขยายตัวในระดับต่ำกว่าช่วง 2 ปีก่อนหน้า แต่ยังสามารถเติบโตได้ตรงข้ามกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค การบริโภคภายในช่วยอุ้มเศรษฐกิจเยอรมนีไม่ให้ก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาสแรกของปีนี้ และคาดว่าจะเป็นปัจจัยพยุงเศรษฐกิจไปตลอดทั้งปี ทดแทนการลงทุนและการค้ากับต่างชาติที่ชะลอตัวลง
ไอเอ็มเอฟกล่าวอีกว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่สดใสนัก เยอรมนีจึงควรยึดนโยบายงบประมาณที่รอบคอบเหมือนที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และควรหลีกเลี่ยงการควบคุมวินัยทางการคลังมากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจจะทำให้ส่งผลเสียต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ปีที่ผ่านมาเยอรมนีสามารถจัดทำงบประมาณเกินดุลได้สำเร็จภายใต้เงื่อนไขเรื่องหนี้สาธารณะของสหภาพยุโรป จากอานิสงส์ของเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง อัตราว่างงานในระดับต่ำ และต้นทุนกู้ยืมระดับต่ำมาก โดยเวลานี้การขาดดุลโดยรวมของเยอรมนีอยู่ที่ประมาณ 80% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
ลัลล์กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟคาดหมายว่าเยอรมนีจะผ่อนคลายนโยบายด้านงบประมาณลงอีกเพียงเล็กน้อย และดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดที่ไม่เข้มงวดนักในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อให้แน่ใจว่านโยบายการคลังจะไม่เป็นปัจจัยฉุดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟได้เรียกร้องให้เยอรมนีลดภาระภาษีให้แก่แรงงาน เพิ่มการเข้าถึงบริการดูแลเด็กเล็กที่มีคุณภาพสูงอย่างเต็มเวลา และช่วยเรื่องการเข้าประเทศของแรงงานมีทักษะเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและรักษาระบบแรงงานที่เข้มแข็ง
เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัว 0.2% ในไตรมาสแรกของปี 2556 นับเป็นการหดตัวเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน ยาวนานกว่าช่วงที่ยูโรโซนเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยระหว่างปี 2551-2552 ที่จีดีพีหดตัวติดต่อกันเป็นระยะเวลา 5 ไตรมาส ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งทำสถิติสูงสุด 12.2% ในเดือนเมษายน
นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวบนเวทีการประชุมของไอเอ็มเอฟที่กรุงเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (3 มิ.ย.) ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในยูโรโซนยังคงมีความท้าทาย แต่ขณะเดียวกันก็มีสัญญาณบางประการที่บ่งชี้ถึงความมีเสถียรภาพ "สถานการณ์ที่เราคาดยังคงเป็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเริ่มในช่วงครึ่งหลังของปี" ทั้งนี้ปัจจัยขับเคลื่อนการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ดังกล่าวจะมาจากนโยบายการเงินที่เอื้ออำนวย และการขยายตัวของการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากความต้องการในต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น