การกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะเวลา 8 ปี นับว่าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญทีสปป.ลาวยึดเป็นแนวทางหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การกำหนดกรอบการพัฒนาเพื่อให้ได้ตามเป้าที่ต้องการ ซึ่งทางรัฐบาล สปป.ลาวเตรียมที่จะคลอดแผนพัฒนาสังคมเศรษฐกิจฉบับใหม่ออกมาในฉบับนี้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของลาวในบริบทเศรษฐกิจโลกขณะนี้
เวียงจันทน์ ไทมส์ ระบุข้อมูลจากแหล่งข่าวในกระทรวงการวางแผนและการลงทุนของ สปป.ลาวว่า ทางรัฐบาลลาวมอบหมายให้ทางกระทรวงการวางแผนและการลงทุนร่างแผนพัฒนาแห่งชาติฉบับที่ 8 ซึ่งการร่างแผนดังกล่าวคาดว่าจะสำเร็จและสามารถส่งให้สภาอนุมัติได้ภายในสิ้นปี 2558 และจะสามารถประกาศใช้ได้ในปี 2559
แผนการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจฉบับที่ 8 นี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2559-2563 โดยรัฐบาล สปป.ลาวได้วางเป้าหมายอัตราการเจริญเติบโตของประเทศขั้นต่ำต่อปีอยู่ที่ 8.5-9%
ในขณะเดียวกันแผนดังกล่าวยังได้ตั้งเป้าให้จีดีพีต่อหัวของประชากรลาวต้องเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายในปี 2563 ทั้งนี้ ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า ในปี 2553 และ 2554 ลาวมีอัตราจีดีพีต่อหัวอยู่ที่ 1,128 ดอลลาร์สหรัฐ และ 1,320 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาของแผนการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจฉบับที่ 7 ช่วงปี 2554-2558 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบันของลาวได้มีการกำหนดกรอบตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจให้โตขึ้น 8% ต่อปี และพัฒนาให้ประชากรมีจีดีพีต่อหัวอยู่ที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2558
ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของลาวในปี 2554 และ 2555 ของธนาคารโลกระบุไว้ว่า มีอัตราอยู่ที่ 8.0% และ 8.3% ตามลำดับ
สถาบันค้นคว้าเศรษฐกิจแห่งชาติลาวระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ สปป.ลาวสามารถดำเนินแผนการพัฒนาได้ตามเป้าหมาย เป็นผลมาจากการลงทุนจากต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ
นอกจากนี้สถาบันค้นคว้าเศรษฐกิจแห่งชาติลาวคาดการณ์ว่า หากการลงทุนในโครงการใหญ่ของต่างชาติทั้งหมดในลาวเสร็จสิ้นจะผลักดันเศรษฐกิจลาวให้โตไม่น้อยกว่า 9% ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวประกอบด้วยการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงจากจีนเชื่อมมายังเมืองบ่อเต็น และสิ้นสุดเส้นทางที่เมืองหลวงเวียงจันทน์ ระยะทางกว่า 421 กิโลเมตร รวมไปถึงทางรถไฟสะหวันนะเขต-ลาวบาว
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาตามแผนพัฒนาสังคมเศรษฐกิจฉบับปัจจุบันมุ่งหวังให้การพัฒนาทางสังคมวัฒนธรรมควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้ลาวเปลี่ยนเป็นประเทศอุตสาหกรรมและทันสมัยภายในปี 2563
บรรดานักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ลาวมีศักยภาพพอที่จะบรรลุตัวเลขที่ตั้งไว้สูงในแผนการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจแห่งชาติได้ โดยที่ผ่านมาทางรัฐบาลประสบความสำเร็จในการสร้างแรงจูงใจและสร้างบรรยากาศในการเอื้อให้เอกชนเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลนับได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจของลาวเติบโตมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์ยังระบุด้วยว่า การลงทุนในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านอุตสาหกรรมไฟฟ้าพลังน้ำ ภาคการผลิต การท่องเที่ยว การเกษตร รวมไปถึงภาคบริการก็ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจลาวพัฒนามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เวียงจันทน์ ไทมส์ รายงานว่า นายสันติภาพ พรมวิหาร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของลาว ได้บรรลุข้อตกลงกับธนาคารโลกที่จะมีการให้เงินช่วยเหลือแก่รัฐบาลลาว จำนวน 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการสร้างศักยภาพให้กับสำนักงานระบบสถิติแห่งชาติลาวให้มีความทันสมัยมากขึ้น
เงินช่วยเหลือจากธนาคารโลกจำนวนนี้จะสามารถเพิ่มคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และตรงต่อเวลาในเรื่องข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค ตลอดจนความง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูลสถิติ เพื่อให้เกิดผลในระดับนโยบายและการติดตามผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายสันติภาพระบุว่า การเซ็นสัญญาในครั้งนี้จะเป็นเครื่องยืนยันถึงความร่วมมือในการสนับสนุนแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจให้เป็นไปตามที่บรรจุไว้ในแผนการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ
ทั้งนี้ หลังจากที่ สปป.ลาวก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก หรือ WTO เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2556 ที่ผ่านมา ธนาคารโลกก็ได้คาดการณ์ว่า ลาวจะสามารถขึ้นมาเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง หรือ Upper middle-income ภายในปี 2563
นอกจากนี้ การเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิก 10 ประเทศที่รวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภายในสิ้นปี 2558 นี้ และการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐบาล สปป.ลาว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างถนนและสะพานหลาย ๆ แห่ง ก็จะเป็นปัจจัยเสริมที่จะช่วยดันเศรษฐกิจลาวให้รุดหน้ามากยิ่งขึ้น