จะเป็นยังไงหากต้องมาถางหญ้า ฉีดพ่นปุ๋ยยา กับต้นทุเรียนบนพื้นที่นับร้อยไร่ ขณะที่ทุเรียนก็โตขึ้นทุกวัน ยิ่งยากต่อการบริหารจัดการ...ยิ่งในยามพาราควอตถูกแบน ใครครอบครองมีโทษมากกว่าครอบครองยาเสพติดเสียอีก หลายคนหันมามองถึงเครื่องจักรกลการเกษตร แต่ประเด็นที่ตามมา...จะคุ้มกับราคาที่ค่อนข้างสูงหรือไม่
“ทำสวนทุเรียนมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ พัฒนามาตามยุคสมัย ช่วงหลังเริ่มมีปัญหาเรื่องแรงงานขาดแคลน และราคาค่อนข้างสูง จึงตัดสินใจซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรเข้ามาใช้ ทั้งเครื่องตัดหญ้า เครื่องหว่านปุ๋ย เครื่องพ่นยา ตอนแรกก็มองว่าราคาสูงจะไม่คุ้มทุน แต่พอเกิดความคุ้นเคยจนใช้ได้ถนัดขึ้น จึงรู้ว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะจ้างคนตัดหญ้า มีทั้งรายวันราคาตามแรงงานขั้นต่ำ คิดไร่ละ 500 บาท ต้องใช้คนกว่า 10 คน ใช้เวลาอีกเกือบเดือน แต่ใช้เครื่องจักร 200 ไร่ ใช้เวลาแค่ 2-4 วัน ใช้แรงงานขับแค่คนเดียว ประหยัดค่าแรงไปได้วันละกว่า 3,000 บาท”
ภานุศักดิ์ สายพานิช นายกสมาคมทุเรียนไทย เจ้าของสวนทุเรียนด็อกเตอร์ ต.สองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี บอกถึงความคุ้มค่าของการใช้เครื่องจักร... ที่นี่จะปลูกทุเรียนบนเนินไม่ต่างจากที่อื่น แต่จะปลูกระยะห่าง 10?10 เมตร เพื่อให้เครื่องจักรเข้าถึงในทุกพื้นที่มีเครื่องจักรกลการเกษตรเป็นแทรกเตอร์ 3 คัน สำหรับติดอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ อาทิ เครื่องตัดหญ้าสไลด์ข้าง ช่วยให้ตัดหญ้าบริเวณเนินสูงที่ลาดเอียงได้ สามารถปรับระดับได้ตามต้องการ สามารถทำงานได้วันละ 50-60 ไร่ ราคาตัวละ 300,000 บาท
เครื่องพ่นยา 7 หัวฉีด บรรจุน้ำยาได้ 600 ลิตร เหมาะกับพื้นที่แปลงใหญ่ ปรับหัวฉีดพ่นได้ไกลสูงสุดถึง 30 เมตร กรณีต้องการพ่นยาหรือปุ๋ยที่ยอดไม้สูง ที่แมลงชอบกิน หรือบำรุงรักษายอด ด้วยน้ำยาที่พ่นออกมาละเอียดเป็นฝอยคล้ายหมอก ทำให้มั่นใจได้ว่ายอดทุกยอดได้รับปุ๋ยยาอย่างแท้จริง ราคา 550,000 บาท
เครื่องหว่านปุ๋ย ใช้ระบบสั่นสะเทือนแทนการกวนแบบเดิม เพื่อลดความเสียหายของเม็ดปุ๋ย สามารถหว่านปุ๋ยด้านข้างได้ทั้งสองฝั่ง ระยะหว่านปุ๋ยด้านข้างได้ไกล 2-5 เมตร และหว่านด้านหลังได้ไกลถึง 12 เมตร มีระบบไฮดรอลิกควบคุมการเปิดปิด และปริมาณการปล่อยปุ๋ย ทำงานได้สูงสุดวันละ 100 ไร่ ราคาเครื่องละ 240,000 บาท
นอกจากนี้ยังมี รถตัดหญ้าแบบนั่งขับ ด้วยการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ แต่คันเล็กยาวไม่ถึง 2 เมตร สูงไม่ถึงเมตร ทำให้เข้าได้ในทุกพื้นที่ เหมาะกับพื้นที่ราบที่ไม่มีร่องต่างระดับมากนัก ตัดหญ้าได้ถึงชั่วโมงละ 3-4 ไร่ กินน้ำมันน้อยแค่ไร่ละ 0.25 ลิตร ประหยัดกว่าแรงงานคนถึง 10 เท่า ราคา 325,000 บาท
รถพ่นยา ปกติถ้าใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงในการพ่นยา ต้องใช้คน 3-4 คน เพื่อเตรียมการ ทั้งละลายปุ๋ยยา บังคับรถ และอีกคนคอยพ่นยา แต่รถคันนี้ใช้คนแค่คนเดียว ด้วยความจุถัง 1,000 ลิตร ฉีดพ่นด้วยหัวฉีด 20 หัว ทำให้ตัวปุ๋ยและยาจะกระจายเป็นฝอย กระจายทั่วถึง ไม่กระจุกตัว ทำให้ประหยัดปุ๋ยยาไปถึง 50% ราคาคันละ 1.2 ล้านบาท
ถ้าแรงงานต้นทุนไม่ต่ำกว่าวันละ 300 บาทต่อคน...10 คนก็ 3,000 บาท ไหนจะค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ แถมยังไม่รู้จะเสร็จภารกิจเมื่อไร
แต่ใช้เครื่องจักร แม้จะลงทุนในระยะแรกค่อน ข้างสูง แต่ทำงานไม่กี่วันก็เสร็จ ใช้คนบังคับแค่ไม่กี่คน สามารถมีเวลาไปคิดธุรกิจอื่นได้อีก พูดง่ายๆ แม้ลงทุนเป็นล้าน แต่ในระยะยาวแค่ 1-2 ปี น่าจะคืนทุน
เห็นแบบนี้แล้ว รัฐน่าจะขยับเรื่องของเครื่องจักรกลการเกษตร จะปั้นโปรเจกต์ 1 ตำบล 1 ชุดเครื่องจักรการเกษตร หรือ 1 สหกรณ์ ก็สุดแล้วแต่ แล้วให้ช่วยกันบริหารจัดการในกลุ่ม ดีกว่าเอาเงินมาโปรยแจกละลายแม่น้ำ หรือคอยมานั่งประกันราคาเป็นไหนๆ