นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ว่า คณะกรรมการ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.50% เป็น 1.25% ต่อปีโดยให้มีผลทันที ขณะที่ 2 เสียง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี ซึ่งดอกเบี้ยนโยบาย 1.25% เป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นระดับใกล้เคียงกับวิกฤติการเงินโลกหรือวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ เมื่อปี 2551
การตัดสินใจลดดอกเบี้ยครั้งนี้คณะกรรมการประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้และต่ำกว่าศักยภาพมากขึ้น จากการส่งออกที่ลดลงซึ่งส่งผลไปสู่การจ้างงานและอุปสงค์ในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลาย เสถียรภาพระบบการเงินได้รับการดูแลไปแล้วบางส่วน
ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านต่างประเทศจากสภาวะการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและประเทศอุตสาหกรรมหลักที่จะส่งผลมาสู่อุปสงค์ในประเทศ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากนี้จะติดตามผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการใช้จ่ายของภาครัฐ ตลอดจนความคืบหน้าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและผลต่อเนื่องไปยังการลงทุนภาคเอกชน
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยกล่าวว่า การลดดอกเบี้ยจะมีผลเสียต่อผู้ฝากเงินแม้จะมีข้อดีด้านอื่น ดังนั้นโจทย์สำคัญคือ ต้องมองภาพรวมว่าประเทศจะมีผลดีในด้านใดมากกว่าผลเสียข้อมูลในการตัดสินใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ