ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (REPORT ON BUSINESS SENTIMENT INDEX)
เดือนเมษายน 2562 ว่าดัชนีฯ ปรับลดลงจากเดือนก่อนมาสู่ระดับ 49.2 จากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคการผลิตที่มีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่ลดลงโดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากลูกค้าในประเทศ นำโดยกลุ่มผลิตยานยนต์ กลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและกลุ่มผลิตปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ ยางและพลาสติก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการและการผลิตของกลุ่มดังกล่าวลดลงตามไปด้วย
ขณะที่ดัชนีฯ ของภาคที่มิใช่การผลิตปรับลดลงบ้าง แต่ยังอยู่เหนือระดับ 50จากกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารที่มีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตชะลอลงส่งผลให้มีความเชื่อมั่นด้านการจ้างงานลดลงด้วย เนื่องจากลักษณะโดยธรรมชาติของธุรกิจโรงแรมจะเน้นจ้างงานชั่วคราวเพื่อให้สามารถปรับกำลังแรงงานตามภาวะการท่องเที่ยวได้เร็ว
ด้านกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการที่ลดลงค่อนข้างมากรวมทั้งมีความกังวลในการลงทุนตามแนวโน้มตลาดที่ชะลอตัวหลังมาตรการ LTV ที่มีผลบังคับใช้ในเดือนนี้ อย่างไรก็ดี เมื่อปรับฤดูกาลแล้วดัชนีฯ โดยรวมยังคงสะท้อนภาวะธุรกิจที่ทรงตัวจากเดือนก่อน
ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 56.8 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่มองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าจะขยายตัวได้จากปัจจุบัน นำโดยภาคการค้ากลุ่มผลิตเครื่องจักร กลุ่มผลิตปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ ยางและพลาสติก และกลุ่มผลิตเหล็ก ตามการใช้จ่ายของภาครัฐและเอกชนที่คาดว่าจะปรับดีขึ้นจากสถานการณ์การเมืองที่มีความชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลัง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นด้านอื่นๆ ในเดือนเมษายน 2562 ผู้ประกอบการเห็นว่าต้นทุนการผลิตที่สูงเป็นข้อจำกัดอันดับ 1 ในการดำเนินธุรกิจ สอดคล้องกับความเชื่อมั่นด้านต้นทุนที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดันของราคาพลังงานที่สูงขึ้น รวมทั้งความกังวลของผู้ประกอบการต่อนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทั้งนี้ ความกังวลด้านการแข่งขันที่รุนแรงจากตลาดในประเทศและความต้องการจากตลาดในประเทศที่ต่ำยังคงเป็นข้อจำกัดหลักในการปรับราคาสินค้าของผู้ประกอบการส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอีก12 เดือนข้างหน้าลดลงมาอยู่ที่ 1.8%