ต้องยอมรับว่ามุมมองในด้านผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อะไรจากการลงทุนในอีอีซีเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีคนพูดถึงนัก และยังขาดการสนับสนุนที่ชัดเจนจากภาครัฐ จนกลายเป็นคำถามตามมาว่า ทำไมต้องดันแต่ผู้ประกอบการรายใหญ่? คำตอบคือ อยากได้ยอด แต่กฎหมายก็ไม่ได้มีการกีดกันการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี แล้วทำไมผู้ประกอบการกลุ่มนี้ยังเข้าไม่ถึง ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องรีบดำเนินการ
โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้กลายมาเป็นภาพรวมการลงทุนขนาดใหญ่ ที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุค Thailand 4.0 และยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอีกด้วย โดยที่ผ่านมาพบว่าโครงการอีอีซีได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ไทยเองก็ได้ออกมาตรการเพื่อมาสนับสนุนให้เกิดการลงทุนอย่างแท้จริง ทั้งการปลดล็อกข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อให้สามารถลงทุนได้ง่ายขึ้น หรือการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในรูปแบบต่างๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจดังกล่าว
ขณะที่ กระทรวงการคลัง เองก็ได้ลงมือสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค ประจำเดือน ก.พ.2562 ซึ่งเป็นการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดล่าสุด จากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ ซึ่งคาดการณ์ 6 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทุกภูมิภาค นำโดย ภาคกลาง ภาคเหนือ และที่ขาดไม่ได้คือ “ภาคตะวันออก” โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรเป็นสำคัญ
นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออก มีทิศทางการขยายตัวดี อยู่ที่ระดับ 71.2 โดยในอีก 6 เดือนข้างหน้า จะได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร เนื่องจากมีโครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ประกอบกับเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะส่งผลให้การคมนาคมสะดวก และส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นในด้านราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการดำเนินนโยบายด้านการเกษตรแบบปฏิรูปภาคการเกษตรที่มีมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มการจ้างงานและการลงทุนภาคเกษตรดีขึ้นด้วย
นี่เป็นอีกหนึ่ง “จุดแข็ง” ของโครงการอีอีซี ที่ไม่เพียงแต่สนับสนุนให้เกิดการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เท่านั้น แต่การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งผลดีที่สร้างสังคมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งให้กับพื้นที่ดังกล่าวด้วย
ตัดภาพมาที่ภาคเอกชน ที่ต่างก็มองว่าภาพรวมการลงทุนของประเทศไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดรับกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่อย่าง “อีอีซี” โดยหากเทียบเป็นมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) จะพบว่า ในปี 2561 มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาถึง 5 แสนล้านบาท มากกว่าปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาท ตัวเลขการลงทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 60% มาจากการลงทุนในอีอีซี ซึ่งนั่นเป็นเครื่องสะท้อนได้ชัดเจนว่า เริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนที่ต่างชาติทยอยเอาเข้ามาลงทุนในไทยแล้ว