นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ.วิเคราะห์ทิศทางอุตสาหกรรมปี 2562 จำนวน 9 อุตสาหกรรมหลักของไทยมีอันดับการส่งออกสูงสุด และส่วนแบ่งการตลาดของโลกสูง พบว่ามี 3 อุตสาหกรรมที่ต้องจับตาว่าอาจอยู่ในช่วงขาลงหากไม่รีบปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีปัจจุบันและแนวโน้ม นั่นคือ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง
“ผลการศึกษาชี้ชัดว่า 3 อุตสาหกรรมดังกล่าวจะต้องเร่งปรับตัว อย่างอุตสาหกรรมรถยนต์พบว่าเทรนด์รถยนต์แห่งอนาคต ทั้งไฮบริด ปลั๊กอิน ไฮบริด และไฟฟ้า(อีวี) กำลังเป็นทิศทางของโลก ซึ่งภาครัฐเองก็สนับสนุนการผลิตแต่พบว่ายังมีบางจุดที่เป็นอุปสรรคจึงพยายามผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด(อีโคอีวี) แต่ค่ายรถไม่อยากทำจึงต้องพับโครงการไว้ก่อน ขณะที่อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แม้ไทยจะมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อให้สินค้าตอบสนองความต้องการของโลก และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง ที่ไทยยังเน้นผลิตแต่ต้นน้ำ ยังไม่มีการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่ามากนัก โดยความกังวลดังกล่าวสศอ.จะประสานกับผู้ผลิต และจะเสนอรัฐบาลชุดใหม่เพื่อพิจารณาและออกมาตรการผลักดันต่อไป”นายณัฐพลกล่าว
ทั้งนี้มี 3 อุตสาหกรรมที่เป็นดาว คือ มีอัตราการเติบโตสูง สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เพราะไทยเป็นฐานการผลิตของโลก มีวัตถุดิบด้านการเกษตรที่สำคัญหลายชนิด ทั้งข้าว ปาล์ม อ้อย ยางพารา มันสำปะหลัง ขณะที่อาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานได้รับความนิยมเช่นกัน โดยสศอ.อยู่ระหว่างนำเสนอยุทธศาสตร์อาหาร 20 ปี เพื่อผลักดันการผลิตอาหารที่มีความหลากหลาย อาทิ อาหารทางการแพทย์ ซึ่งยุทธศาสตร์นี้จะทำให้ผู้ผลิตของไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ได้ประโยชน์
นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่เติบโตอย่างมากเพราะผู้ผลิตของไทยมีความโดดเด่นขึ้นอันดับโลก อาทิ บริษัท ปตท.และอุตสาหกรรมที่โดดเด่นอีกประเภท คือ พลาสติก เพราะมีฐานผลิตที่แข็งแรงและมีการพัฒนาไปสู่สินค้านวัตกรรม ประกอบกับไทยมีพืชพลังงานที่รองรับเพื่อมุ่งสู่ไบโอพลาสติก
อย่างไรก็ตามมี 3 อุตสาหกรรมที่ภาครัฐและเอกชนต้องพิจารณาว่าควรจะเดินไปในทิศทางใด เพราะตลาดโลกมีความต้องการแต่ผลิตภัณฑ์ยังไม่มีทิศทางชัดเจน บางอุตสาหกรรมผู้ผลิตปรับตัวแต่นโยบายรัฐยังไม่สอดรับเพียงพอ คือ เคมีภัณฑ์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และเหล็ก