นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการอนุมัติกองทุนพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ตามแนวประชารัฐ วงเงินรวม 18,000 ล้านบาท ว่าปัจจุบันมีการอนุมัติกองทุนไปรวมทั้งหมด 12,872 ล้านบาท ในปัจจุบัน คิดเป็น 66.6% โดยเป็นการอนุมัติให้กับกลุ่มเอสเอ็มอีทั้งรายใหญ่ และสำหรับคนตัวเล็กซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อแบบเข้าถึงกลุ่มที่ต้องการเงินโดยตรง และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยภาครัฐได้มีการติดตามผลต่อเนื่องและมั่นใจว่าสามารถนำเงินไปพัฒนาได้อย่างเต็มที่
“หลังจากที่เราปล่อยสินเชื่อกองทุนประชารัฐ ทางรัฐบาลก็ได้มีการติดตามผล ซึ่งผู้ประกอบการที่ได้รับเงินที่ได้รับประโยชน์มีกว่าหมื่นราย ขณะเดียวกันมียอดคงค้างเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพหรือหนี้สิน(เอ็นพีแอล) ไม่ถึง 1% จากการสำรวจทั้งหมด ซึ่งถือว่าการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวมีประสิทธิภาพ” นายพสุ กล่าว
โดยปัจจุบันสำนักงานกองทุนฯ อยู่ระหว่างเปิดรับคำขอรอบที่ 4 สำหรับสินเชื่อวงเงิน 10,000 ล้านบาท ที่ยังเหลือวงเงินอีก 500 ล้านบาท ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2561-31 มกราคม 2562 ทั้งนี้การอนุมัติกองทุนจะพิจารณาตามกฎระเบียบที่กำหนด โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับเงินนำเงินไปลงทุน ปรับปรุงกิจการจนสามารถดำเนินการได้อย่างคล่องตัว และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กองทุนเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐวงเงิน 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ก้อน ได้แก่ 1.กองทุนเพื่อกลุ่มเอสเอ็มอีรายใหญ่ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล วงเงิน 10,000 บาท ซึ่งปัจจุบันมีการอนุมัติเงินไปแล้วกว่า 9,500 ล้านบาท โดยกระจายไปยัง 77 จังหวัดทั่วประเทศ และเหลือวงเงินอีก 500 ล้านบาท ที่จะมีการเปิดรับคำขอ โดยทางธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ตั้งเป้าว่าภายในเดือนธันวาคม 2561 นี้ จะได้ผู้ที่ยื่นขอครบ
2.กองทุนเพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีรายย่อย(คนตัวเล็ก) วงเงิน 8,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีการปล่อยสินเชื่อไปแล้วประมาณ 3,300 ล้านบาท และเหลือเงินอีกประมาณ 4,700 ล้านบาท โดยทาง ธพว. กำลังกำหนดเงื่อนไขการออกกู้อีกรอบ โดยตั้งเป้าจะให้ได้ครบตามจำนวนในระยะเวลาใกล้เคียงกันคือสิ้นปี 2561 ถึงช่วงต้นปี 2562 อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายจะเป็นไปตามแผนที่กำหนด โดยคาดว่าไม่เกิน 2 ปีหลังจากที่มีการอนุมัติกองทุนจะต้องเบิกจ่ายให้ครบจำนวน