ตลาดชิปทั่วโลกจะเติบโต 11.2% สู่ระดับ 6.972 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเซมิคอนดักเตอร์สำหรับใช้ในศูนย์ข้อมูลและสมาร์ตโฟนที่ติดตั้งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตามการคาดการณ์ขององค์กรอุตสาหกรรม ซึ่งปรับทบทวนตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากการประมาณการเมื่อเดือนมิถุนายนที่ 6.879 แสนล้านดอลลาร์
องค์กรสถิติการค้าเซมิคอนดักเตอร์โลก (World Semiconductor Trade Statistics) ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มผู้ผลิตชิปรายใหญ่ ระบุในรายงานแนวโน้มล่าสุดว่า การใช้เทคโนโลยี AI ที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้กระตุ้นให้ความต้องการชิปพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกเร่งจัดหาอุปทานให้เพียงพอสำหรับศูนย์ข้อมูลที่รองรับการพัฒนา generative AI และอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยี AI
เมื่อพิจารณาตามประเภทผลิตภัณฑ์ คาดว่าความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ลอจิก ซึ่งทำหน้าที่เป็นสมองของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะขยายตัว 16.8% เป็น 2.439 แสนล้านดอลลาร์ ในขณะที่ความต้องการชิปหน่วยความจำ ซึ่งใช้ในการจัดเก็บข้อมูล คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13.4% เป็น 1.894 แสนล้านดอลลาร์
สำหรับตลาดเซมิคอนดักเตอร์ประเภทอื่น เช่น ชิปแอนะล็อก คาดว่าจะขยายตัวเช่นกัน ตราบใดที่เศรษฐกิจโลกเติบโตได้พอประมาณ
เมื่อพิจารณาตามภูมิภาค คาดว่าทวีปอเมริกาจะเติบโตสูงสุด ที่ 15.4% เป็นมูลค่า 2.153 แสนล้านดอลลาร์ รองลงมาคือภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 10.4% เป็น 3.763 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่ายุโรปจะเติบโตน้อยที่สุดที่ 3.3% เป็น 5.374 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับตลาดญี่ปุ่น ทางองค์กรคาดว่าจะขยายตัว 9.4% สู่ระดับ 5.187 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามการรายงานของสำนักข่าวเกียวโด
ทั้งนี้ องค์กรคาดการณ์ว่าตลาดชิปโลกในปี 2567 มีมูลค่าประมาณ 6.269 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 19.0% เนื่องจากการเติบโตของชิปที่เกี่ยวข้องกับ AI ชดเชยความต้องการที่ชะลอตัวของชิปที่ใช้ในรถยนต์และอุปกรณ์อุตสาหกรรม