นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งยกระดับภาคการเกษตรไปสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ และเกษตรอุตสาหกรรม โดยมีแนวทางที่จะส่งเสริมธุรกิจบริการด้านการเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจรที่ผ่านมาได้ไปหารือกับสมาคมผู้ผลิตเครื่องจักรกลไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งยังได้ร่วมกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นหรือเจโทร กรุงเทพฯ บริษัทคูโบต้า และผู้ผลิตจักรกลการเกษตรรายอื่นๆ ของญี่ปุ่น ผลักดันธุรกิจบริการด้านการเกษตรฯ ที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำเครื่องจักรกลการเกษตรสำหรับเกษตรกรแปลงเล็ก จัดวางโมเดลธุรกิจ และแพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่น เพื่อให้เกษตรกรเข้ามาใช้บริการ
โดยการว่าจ้างธุรกิจบริการด้านการเกษตรฯ นำเครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในพื้นที่ของเกษตรกร ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เริ่มเพาะปลูก เช่น การจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบวิเคราะห์ดิน เพื่อปรับปรุงดินให้เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชแต่ละชนิด จากนั้นก็จ้างผู้ให้บริการนำเครื่องจักรเข้ามาเตรียมดิน และเพาะปลูกพืช พอพืชเติบโตก็จะมีธุรกิจการใช้โดรนเข้ามาบินเพื่อตรวจสอบป้องกันศัตรูพืช ตรวจวัดความสมบูรณ์ของพืช รวมไปถึงการวางระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ตรวจวัดความชื้น แสงแดด คุณภาพดิน ระบบการจ่ายน้ำแม่นยำ ทำให้ลดการใช้ทรัพยากรในการเพาะปลูก จากนั้นก็นำเครื่องจักรเข้ามาเก็บเกี่ยว รวมไปถึงการจัดการด้านการตลาดจัดจำหน่ายต่อไป
การที่จะผลักดันธุรกิจบริการด้านการเกษตรฯ จะต้องวางแนวทางส่งเสริมให้ครอบคลุมในทุกด้าน เช่น การจัดทำมาตรการส่งเสริมการลงทุนของ บีโอไอ การแก้ไขอุปสรรค์ด้านกฎระเบียบต่างๆ รวมไปถึงมาตรการจูงใจอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือกับทางบีโฮไอในเบื้องต้นไปแล้วก็มีความเห็นที่สอดคล้องกัน คาดว่ามาตรการส่งเสริมทั้งหมดจะออกมาใช้ได้ภายในต้นปี 2564
สำหรับเกษตรกรเป้าหมายที่จะส่งเสริมไปสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์นี้ กสอ. ได้ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการคัดเลือกเกษตรกรที่เป็นสมาชิกธ.ก.ส.ที่มีศักยภาพ 1 แสนราย ภายใน 3 ปี เบื้องต้นจะต้องวางรากฐานของการทำธุรกิจ จึงต้องเข้าไปสอนให้บริหารจัดการด้านการเงิน รวมทั้งการปลูกพืชผลชนิดอื่นให้มีรายได้เข้ามาเสริมตลอดทั้งปี จากนั้นก็ต่อยอดไปสู่การทำธุรกิจการเกษตร การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ และการทำตลาดทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ล่าสุดได้เข้าไปสนับสนุนธุรกิจบริษัท บ้านถั่วลิสงที่แต่เดิมเป็นเพียงผู้ค้าส่งสินค้าเกษตรไปสู่การแปรรูปและการค้าในรูปแบบใหม่
นางอารีย์ เพ็ชรรัตน์ ผู้บริหารบริษัท บ้านถั่วลิสงกล่าวว่า ได้เข้ารับการอบรมจาก กสอ. หลักสูตรบ่มเพาะผู้ประกอบการใหม่ (NEC – SME) ทำให้มีพื้นฐานและทักษะในการบริหารงานอย่างผู้บริหารมืออาชีพ โดยเปลี่ยนจากการค้าส่งถั่วลิสงมาเป็นการนำถั่วลิสงบางส่วนประมาณ 20% มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับบริโภคภายในประเทศ ซึ่งได้ทดลอง ต่อยอดไอเดีย จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ถั่วคั่วทราย เค้กถั่ว นมถั่ว ภายใต้แบรนด์นันทบุรี และบ้านถั่วลิสง รวมกว่า 20 ผลิตภัณฑ์
นางธารารัตน์ ศรีจันทร์ดี ผู้นำวิสาหกิจชุมชนขวัญธารา กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของเครื่องสำอางสมุนไพร “ขวัญธารา” เกิดจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ต้องการกลับมาพัฒนาบ้านเกิด ด้วยการนำเสนอผลไม้ท้องถิ่นของดีคู่ จ.น่าน คือ “มะไฟจีน”จากเดิมที่นำมาแปรรูปเป็นผลไม้เชื่อมแห้ง แยม และน้ำผลไม้ นำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบใหม่ ๆ ด้วยการนำเอานวัตกรรมเชิงพาณิชย์เข้ามาเสริมสร้างต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เซรั่ม แชมพู สบู่เหลว โฟมมูส แฮนด์ครีม และบอดี้โลชั่น ทำให้ได้รับคัดเลือกให้เป็นสินค้าโอท็อปที่มีชื่อเสียง และได้รับการวางขายในเว็บไซต์ Thaimall.com และบนแคตตาล็อกของสายการบินการบินไทย ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิม 60%