นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อเศรษฐกิจไทยกับการลงทุนในอีอีซี ในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 61 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ว่า ในปีนี้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมา ดังนั้นการสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศของไทยจะทดแทนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1.7 ล้านล้านบาท ในระยะ 5 ปี นับจากนี้ไป และการลงทุนภาคอุตสาหกรรมที่มีเป้าหมายเฉลี่ย 300,000 ล้านบาทต่อปี เพราะจะมีส่วนขยายฐานเศรษฐกิจให้เติบโตเพิ่มอีก 2% ต่อปี ดังนั้นหากรากฐานเศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ย 3-4% ต่อปี ก็จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ในระดับ 5-6% ต่อปีในระยะยาว
“ประเทศไทยคาดหวังว่า อีอีซีจะมีการลงทุนในภาพรวมที่วางไว้ 5 ปีแรก หรือในปีนี้ 62-67 และในอีก 5 ปีถัดไป ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเบื้องต้นวางไว้ 12 อุตสาหกรรม จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต ดังนั้น ใน 5 ปีแรก อีอีซีก็จะเป็นเครื่องการันตีว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ตกต่ำ เพราะการลงทุนในอีอีซีจะเป็นกันชน (Buffer) สำหรับปัจจัยภายนอกประเทศไม่ให้มากระทบ”
ขณะที่หลังการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดใดเข้ามาบริหาร การทำงานของอีอีซีก็จะเดินหน้าต่อไปเพราะมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อีอีซีรองรับไว้แล้ว ที่มีทั้งองค์กร และงบประมาณในตัวเอง ก็จะเข้ามาสานต่อได้ เพราะนี่คือเครื่องการันตีการสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตต่อไป ซึ่ง พ.ร.บ.อีอีซีไม่เพียงมุ่งเน้นลงทุน แต่ยังให้ความสำคัญกับการศึกษา ยกระดับการเกษตร ขณะเดียวกันยังทำให้เศรษฐกิจกระจายไปยังภูมิภาค
สำหรับตัวเลขการขอส่งเสริมการลงทุน จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อปีที่ผ่านมา มีการขอส่งเสริมการลงทุนอยู่ที่ 683,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 60 ที่ทำได้เพียง 310,337 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเติบโตกว่าเท่าตัวและเม็ดเงินเหล่านี้ก็จะทยอยให้เกิดการลงทุนจริงต่อเนื่อง โดยลงทุนจริงในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 265,933 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 400,000 ล้านบาท
..