นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยในการปาฐกถาในงาน Next Economic Challenges 2019 ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2561 จะสามารเติบโตได้ที่ 4-4.2% เนื่องจากสะท้อนการลงทุนในประเทศที่ทะลุเป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) แต่ก็ยังต้องติดตามการสรุปผลประกอบการในช่วงเดือนที่เหลือของปี หากมีการเบิกจ่ายได้ดีก็จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 4.2% หากไม่ดี จีดีพีก็อาจจะลดลงมานิดหน่อย ขณะที่การท่องเที่ยวและสินค้าเกษตรก็เริ่มจะมีการเติบโตสูงขึ้น
ขณะเดียวกันในปี 2562 นี้เศรษฐกิจประเทศไทยจะเติบโตได้ดีหรือไม่ ต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงทั้งในโดยเฉพาะการเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยความสงบหรือไม่ การสานต่อนโยบายจะต่อเนื่องหรือไม่ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงนอกประเทศ ด้านการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของสหรัฐที่สร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย สะท้อนจากในช่วงที่ผ่านมา พบว่า การส่งออกปรับตัวลดลง
“เรามองว่า เลือกตั้งมีแน่นอน และคาดว่าช่วงกลางปีจะได้เห็นรัฐบาลชุดใหม่ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร แต่ที่ต้องจับตามอง คือ หากรัฐบาลใหม่เข้ามา นโยบายไปได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ สถานการณ์ในประเทศจะดีแน่นอน ขณะที่นักการเมืองก็อย่าทะเลาะกัน ด่ากัน แต่อยากให้ทำงานร่วมกัน ช่วยกัน อย่านึกถึงประโยชน์ส่วนตัว หรือแต่กับพรรคการเมืองตัวเองเท่านั้น แต่ต้องรู้จักการร่วมกันระหว่างพรรคด้วย”นายสมคิด กล่าว
อย่างไรก็ตามปฏิรูปประเทศสำคัญมาก เพราะจะเป็นการสนับสนุนการลงทุน เนื่องจากต้องยอมรับว่าฐานรากของไทยเป็นกลุ่มที่ไม่มีกำลังทรัพย์ 20-30 ล้านคนเป็นกลุ่มเกษตรกรที่เดิมอาจจะไม่เคยได้รับการพัฒนา มีการแปรรูปน้อยและขายสินค้าในราคาถูก ซึ่งต่อไปประเทศจะต้องหาคนที่มาเป็นผู้นำในเรื่องนี้ ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานรวมถึงสนับสนุนการพัฒนาให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ ซึ่งมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วยทั้งการคมนาคม และการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงชุมชนได้ พัฒนาการเกษตรให้เป็นจุดแข็งของประเทศ