นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของประเทศ โดยมีนายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการปรับปรุงข้อมูลของอุตสาหกรรมชีวภาพ (ไบโออีโคโนมี) ขณะเดียวกันที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต (อีวี) ก่อนจะนำเสนอนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ต่อไป
สำหรับความคืบหน้าของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้รับรายงานจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในประเทศไทย (คอร์) ว่า มีผู้ประกอบการในระบบการผลิตที่มีความพร้อมในการใช้หุ่นยนต์อีกประมาณ 4 ราย โดยคาดว่าจะลงทุนปรับเปลี่ยนระบบการผลิตประมาณ 8,000 ล้านบาท ส่วนผู้ประกอบการในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนระบบอัตโนมัติที่อยู่ในศูนย์เครื่องจักรกลและระบบอัตโนมัติและสมาคมเครื่องจักรกลระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (ทาร่า) ก็มีความสนใจลงทุนระบบเพื่อรองรับการใช้งานอีกประมาณ 2-4 ราย ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ตามเป้าหมาย
นายศิริรุจ กล่าวว่า ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ขณะนี้มีผู้ประกอบการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแล้ว 8 ราย โดยเป็นการขอส่งเสริมการลงทุนในระบบไฮบริด 5 ราย และขอส่งเสริมการลงทุนในระบบปลั๊กอิน 3 ราย โดยหลังจากนี้เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการยานยนต์ประเภทไฟฟ้าทั้งระบบทยอยยื่นขอส่งเสริมเข้ามาอีก เนื่องจากอาจจะอยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อมเรื่องแบตเตอรี่ โดยคาดว่าภายใน 2 ปี จากนี้หากมีการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าอย่างน้อย 2 ค่ายรถยนต์ จะส่งผลให้มีจำนวนการประกอบของรถยนต์ไฟฟ้าในระบบมากกว่า 25% เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระยะ 20 ปี
ขณะที่การปรับปรุงข้อมูลของอุตสาหกรรมชีวภาพปัจจุุุุบันมีความชัดเจนในด้านพื้นที่ส่งเสริมการลงทุนที่จะทำในระยะที่ 2 แล้ว ส่วนในรายละเอียดการปรับแก้ผังเมืองนั้นเชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหาต่อการลงทุน แต่จะต้องมีความตกลงร่วมกันกับกรมโยธาธิการและผังเมืองเกี่ยวกับการใช้คำ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมอาหาร โดยแนวโน้มการส่งเสริมการลงทุนจะเน้นไปที่อุตสาหกรรมอาหารเฉพาะทาง (ฟังก์ชั่นนัลฟู้ด) อาหารเพื่ออนาคต และอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน โดยจะกำหนดมาตรการอีกครั้งก่อนจะทยอยเสนอรมว.อุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอ ครม.ต่อไป