นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม( เอสเอ็มอี)ปรับตัวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ที่จะมีการพึ่งพาหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติเพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดแคลน และทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ล่าสุด กสอ.ได้จัดตั้งโรงเรียนสอนการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติมาใช้ ภายในโรงงานอุตสาหกรรมของเอสเอ็มอีที่มีทั่วประเทศ 3-4 แสนโรงงาน
โดยโครงการดังกล่าวจะอยู่ภายใต้ศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม กล้วยน้ำไท (ทรานฟอร์เมชั่น เซ็นเตอร์ หรือไอทีซี) เพื่อสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเริ่มนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ มาใช้ในโรงงาน โดยเริ่มกระบวนการไม่ซับซ้อน อาทิ อุตสาหกรรมเซรามิกลำปาง อาจใช้หุ่นยนต์แขนกลในหยิบจับวัสดุที่มีความร้อนสูงหากแรงงานหยิบจับอาจเกิดอันตรายได้ง่าย ซึ่งกสอ.คาดหวังว่าภายในปี 2561 จะได้เห็นเอสเอ็มอีภาคผลิตใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติภายในโรงงานไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย
ในส่วนของเงินทุนเพื่อใช้ในการซื้อหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ ปีนี้รัฐบาลได้เตรียมสินเชื่อผ่านธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ รองรับ เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรระยะที่ 2 วงเงิน 20,000 ล้านบาท กู้ต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท โดยมีโปรโมชั่น 7:1:0 โดย 7 ตัวแรกคือ พร้อมอนุมัติสินเชื่อภายใน 7 วัน, 1 คือ เบิกจ่ายภายใน 1 วัน และ 0 คือ ฟรีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บหนี้
นายชิต เหล่าวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(สกรศ.) กล่าวว่า กลุ่มหุ่นยนต์ที่มีสมาชิกประมาณ 200 บริษัท เตรียมเสนอรัฐให้ออกมาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนโรงงานผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) มีหุ่นยนต์ใช้โรงงานละ 1 ตัว และระดับต่อไปต้องการให้มีมาตรการช่วยเหลือสำหรับโรงงานขนาดใหญ่ โดยอยู่ระหว่างการจัดทำข้อเสนอ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีการลงทุนในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 100,000-200,000 ล้านบาท แบ่งเป็นระบบซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ 30-40% และระบบออโตเมชั่น ซิสเต็ม อินติเกรเต็ด (เอสไอ) 40% และการลงทุนค่าลิขสิทธิ์ 20%
“จะประสานกับรัฐบาลผลักดันให้ไทยเข้าไปสู่ห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ที่สำคัญของโลก เนื่องจากปัจจุบันแรงงานหายาก และเมื่อประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา เริ่มพัฒนาประเทศมากขึ้น มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้แรงงานของประเทศเหล่านี้ที่เคยเข้ามาทำงานในประเทศไทยตัดสินใจเดินทางกลับประเทศตนเองมากขึ้น” นายชิตกล่าว