นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่าที่ประชุมกนง.มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้จากเดิมทั้งภาคการส่งออก และอุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่องและเริ่มกระจายตัวมากขึ้น ส่งผลให้กนง.ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีปีนี้เป็น 3.8% จากเดิม 3.5% และคาดว่าในปี 2561 จะขยายตัว 3.8% ต่อปี
นอกจากนี้ ยังประมาณการมูลค่าการส่งออกสินค้าในปีนี้ปรับเพิ่มอยู่ที่ 8% จากเดิม 5% และประมาณการส่งออกปี 2561 ขยายตัว 3.2% โดยภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนจากการส่งออกและการท่องเที่ยวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนบริโภคภาคเอกชนขยายตัวสูงขึ้นในหมวดบริการและสินค้าคงทน ถึงแม้จะค่อยเป็นค่อยไปตามกำลังซื้อโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน
ด้านการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับดีขึ้นในหลายธุรกิจและขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดว่าปีนี้การลงทุนเอกชนจะขยายตัว 2.3% เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 1.7% ขณะที่การลงทุนภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทย ถึงแม้จะชะลอตัวไปบ้างโดยคาดว่าจะขยายตัวในปีนี้ 5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 7.7% เป็นผลมาจากบางโครงการลงทุนภาครัฐมีการเลื่อนออกไปทำให้เม็ดเงินที่จะลงทุนมีการเบิกจ่ายล่าช้าออกไปด้วย ซึ่งคาดว่าเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนภาครัฐจะถูกเลื่อนออกไปในปีหน้า
“การคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% เป็นอัตราที่อยู่ในระดับผ่อนคลาย และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในด้านนโยบายการเงิน ส่วนนโยบายการคลังอาจต้องรอเม็ดเงินที่จะเบิกจ่าย ที่อาจถูกเลื่อนออกไปบ้างแต่เม็ดเงินก็ไม่ได้ลดไปกว่าเดิม ยังทำให้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ ขณะที่สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในสิ้นปีนี้อีก 1 ครั้ง และการพิจารณาของ กนง.ไม่ได้นำมาเป็นเงื่อนไขว่าถ้าเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว กนง.จะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยตามเฟดด้วยหรือไม่” นายจาตุรงค์ กล่าว