นางลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่า เอดีบี ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่าจะขยายตัวได้ 3.5% พร้อมคาดว่าในปี 2561 จะขยายตัวได้ดีขึ้นที่ 3.6% จากภาคการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าส่งออกปีนี้ของไทยจะเติบโตได้ 5% และในปีหน้าจะขยายตัว 7% หรืออาจสูงกว่านั้น เนื่องจากปัจจุบันไทยได้ปรับตัวเข้าหาอุปสงค์โลก ซึ่งหันมาพัฒนาหุ่นยนต์อัตโนมัติ และการสนับสนุนอินเตอร์เนต ทำให้ภาคอุตสาหกรรมประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้รับอานิสงส์อย่างมาก
นอกจากนี้แนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าที่ส่งสัญญาณดีขึ้นนอกจากภาคการส่งออกแล้ว ยังมีการลงทุนภาครัฐจะเร่งตัวเพิ่มขึ้น ตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนใหญ่มาจากรัฐวิสาหกิจช่วยผลักดันเม็ดเงินลงทุน ซึ่งการลงทุนรัฐวิสาหกิจขยายตัวถึง 20.5% ในไตรมาสสองปี 2560 หลังจากในครึ่งปีแรกของปีนี้การลงทุนภาครัฐชะลอตัว อาจเป็นเพราะฐานที่สูงในปีก่อนหน้า แต่เชื่อว่าจะเร่งตัวในครึ่งปีหลังจากการเบิกจ่ายโครงการรถไฟฟ้า สนามบิน ระบบสายส่งไฟฟ้า และถนน
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ 3.2% ในไตรมาสสองปีนี้ นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าการลงทุนภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัวแล้วการดำเนินโครงการลงทุนภาครัฐที่เร่งตัวขึ้นจะช่วยยกระดับการลงทุนภาคเอกชน โดยภาครัฐควรเร่งดำเนินการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมากแต่ยังรอกฎหมายและความคืบหน้าในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอยู่
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การส่งออกจะขยายตัวได้เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง แต่การนำเข้าของไทยก็ขยายตัวได้ดีเช่นเดียวกัน ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยยังไม่ขยายตัวดีเท่าที่ควร โดยการนำเข้าครึ่งปีแรกของปี 2560 สูงขึ้นมาก คาดว่าปีนี้จะขยายตัวถึง 10% และจะสูงขึ้นอีกในปีหน้าทำให้ดุลการค้า
จะเกินดุลลดลงอยู่บ้าง
นางลัษมณกล่าวว่า นโยบายการคลังในช่วง 9 เดือนของปีงบประมาณ 2560 มีการขาดดุลการคลัง 4.739 แสนล้านบาท หรือ 4.2% ของจีดีพีการจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ 0.4% แต่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน มีการเบิกจ่ายงบประมาณ 71.1% ของงบประมาณ 2560 หนี้สาธารณะ เฉพาะหนี้รัฐบาลอยู่ที่ 32.3% ของจีดีพี เมื่อสิ้นกรกฎาคม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นระดับที่ไม่สูง และไม่ส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนทางการคลัง
“ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2561 มองว่ามีทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ในส่วนของปัจจัยภายนอกคือความผันผวนของตลาดเงินโลก นโยบายด้านการคลังของสหรัฐทั้งการปฏิรูปภาษี ส่วนในประเทศต้องจับตาการเลือกตั้ง ที่จะเกิดขึ้นปลายปี 2561 ตามแผนโรดแมปของรัฐบาลว่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่” นางลัษมณ กล่าว
ขณะที่ เอดีบีที่ฮ่องกง แถลงว่าประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียโดยรวมยังคงอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของการค้าโลก การขยายตัวได้ดีของเศรษฐกิจอุตสาหกรรมหลัก และแนวโน้มที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจจีน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้การเติบโตของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียปรับตัวสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้