ศุภกิจ งามจิตรเจริญ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (ZIGA)
แม้ว่าในภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กของไทยจะยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวไม่เต็มที่...แต่ช่วง 4-5 เดือน มานี้ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นมากว่า 15%...เนื่องจากความต้องการใช้เหล็กในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นมากกว่ากำลังการผลิตเหล็กของโลกในช่วงนี้ หลังจากจีนสั่งลดกำลังการผลิตและปิดโรงงานขนาดเล็กไปกว่า 100 แห่ง...สำหรับประเทศไทยนอกจากเหล็กคุณภาพทั่วไปที่ดูดีขึ้นแล้ว...เหล็กเกรดพิเศษและสินค้าเหล็กที่ใช้ในอุตสาหกรรมเฉพาะก็กำลังเติบโตได้ดี หลังจากได้อานิสงส์จากการลงทุนของภาครัฐ
คุณศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่นจำกัด (มหาชน) (ZIGA) กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเหล็กในปีนี้ดูเหมือนว่ากำลังเข้าสู่ช่วง “ขาขึ้น” หลังจากราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากดีมานด์ที่เพิ่ม เห็นได้จากยอดการผลิตเหล็กดิบในช่วง 4 เดือนแรกปี 2560 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดการผลิตเหล็กดิบสะสมอยู่ที่ 550.8 ล้านตัน
คุณศุภกิจกล่าวอีกว่า โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของรับ ทั้งระบบสาธารณูปโภค ระบบสื่อสาร ระบบคมนาคม ก็มีเหล็กอยู่ในส่วนประกอบของทั้งงาน ภาคระบบไฟฟ้า และงานส่วนโครงสร้าง นอกจากนี้ เหล็กยังอยู่ในเครื่องใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ และปัจจุบันนิยมนำเหล็กมาเพิ่มคุณค่าด้วยนวัตกรรม เพื่อให้สินค้าได้มาตรฐานระดับสากลและมีความปลอดภัย จึงนำเหล็กมา galvanizedซึ่งก็คือเหล็กเคลือบซิงค์ เพื่อป้องกันสนิมลดขั้นตอนการทาสีกันสนิม ทำให้บริษัทฯมีแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่องจากเหล็ก galvanized แปรรูป เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มงานระบบไฟฟ้า ตลอดจนกลุ่มงานโครงสร้างทั่วไปในชีวิตประจำวัน ครอบคลุมถึงงานระบบก่อสร้างที่ต้องพึ่งพานวัตกรรมสำเร็จรูปมากขึ้น
สำหรับ บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่นฯ....เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กโครงสร้างประเภท Pre-zinc ภายใต้แบรนด์ ZIGAและท่อเหล็กร้อยสายไฟ ภายใต้แบรนด์DAIWA ซึ่ง มองว่า ราคาเหล็กที่อยู่ในช่วงขาขึ้น จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมดังนั้นบริษัทฯ จึงมีแผนที่การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และเพิ่มพื้นที่สำหรับบริหารจัดการวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ไม่เพียงพอในการเพิ่มเครื่องจักรใหม่รวมถึงไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปเพื่อรองรับการเติบโตของยอดขาย โดยปัจจุบันอัตราการใช้กำลังการผลิตเหล็กของ ZIGA อยู่ที่45,346 ตัน/ปี รอบการเดินเครื่องอยู่ที่ 21ชั่วโมง/วัน เมื่อเทียบกับปี 2557 กำลังการผลิตอยู่ที่ 25,714 ตัน/ปี รอบการเดินเครื่องอยู่ที่ 10.5 ชั่วโมง/วัน
“เมื่อเรามีแผนที่จะขยายกำลังการผลิต จึงเข้าระดมทุนทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 130 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ และเสนอขายในราคาหุ้นละ 5.90 บาท โดยจะซื้อขายวันแรก 17 สิงหาคมนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเงินที่ได้ไปซื้อที่ดิน สร้างโรงงาน ซื้อเครื่องจักรใหม่รวมไปถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับแผนขยายกำลังการผลิต ซึ่งจะช่วยผลักดันธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคงมากยิ่งขึ้น”
คุณศุภกิจกล่าวอีกว่าช่วงที่ผ่านมาบริษัท ได้เดินทางไปนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนสถาบันหลายแห่ง (โรดโชว์) แม้หุ้นZIGA จะเป็นหุ้นไซส์ไม่ใหญ่มาก แต่การที่นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจค่อนข้างมากสะท้อนจากผล Bookbuilding ที่จองล้นกว่า 6 เท่า ถือเป็นสัญญาณบวกสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนดังกล่าว ทำให้มั่นใจว่าเมื่อเปิดให้จองซื้อหุ้นสำหรับนักลงทุนทั่วไปจะได้รับความสนใจไม่แพ้กัน
ทั้งนี้ “จุดแข็ง” ที่สำคัญ คือผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการที่บริษัทฯได้เข้าไปทำตลาด สินค้าทดแทนภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market)ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยม และบริษัทได้มีการนำระบบ ERP (Enterprise resource planning) มาใช้ในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขาย และค่าใช้จ่ายในการบริหารส่งผลให้มีการสูญเสียลดลง และทำให้กำไรขั้นต้นปรับตัวสูงเห็นได้จากผลการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 442.39ล้านบาท ปี 2558 เพิ่มเป็น 679.99 ล้านบาท และในปี 2559 ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 919.78 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2557 อยู่ที่ 17.31ล้านบาท ปี 2558 เพิ่มเป็น 68.60 ล้านบาท และในปี 2559 ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 226.13 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.89%, 9.95%และ 24.01% ตามลำดับ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น
“แม้ ZIGA จะเป็นหุ้นที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ด้วยความโดดเด่นจากการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กประเภทPre-zinc ทั้งเหล็กโครงสร้างและท่อเหล็กร้อยสายไฟ ที่มีความเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 18 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสามารถสร้างผลประกอบการที่โดดเด่นยอดขายและกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องทุกปี และในอนาคตยังมีโอกาสเติบโตต่อไปได้อีกจึงมองว่า Ziga เป็นหุ้น Growth Stock ที่คาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้ในอนาคต”
อนันตเดช พงษ์พันธุ์