สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)
ผู้ประกอบการ

เลาะรั้วเกษตร : โดรนมาแรง
30/06/2017
ข่าวอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล


ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการเกษตรทุกวันนี้ สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกรเจ้าของไร่นาอยู่ไม่น้อย ทั้งการดูแลพืชผลตลอดระยะเวลาตั้งแต่เตรียมดิน เพาะปลูก ใส่ปุ๋ย พ่นยา ไปจนถึงเก็บเกี่ยว ลำพังแรงงานในครอบครัวก็คงทำได้ในพื้นที่ไม่กี่ไร่ ถ้าพื้นที่หลายสิบไร่ หลายร้อยไร่ จำเป็นต้องจ้างแรงงาน ไม่เฉพาะการเพาะปลูก แต่ยังรวมไปถึง การประมง และปศุสัตว์ ด้วย

แรงงานคนไทยยังพอทำเนา ยังพูดจาสื่อสารกันรู้เรื่อง ถ้าเป็นแรงงานต่างด้าวนอกจากสื่อสารกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องแล้ว ยังเป็นแรงงานที่คุณภาพไม่ได้อย่างใจด้วย การแก้ปัญหาแรงงานในภาคเกษตรวิธีการหนึ่ง คือการนำเครื่องจักรกลมาใช้แทน ที่เห็นกันจนชินตาในนาข้าว เห็นจะเป็นแทรกเตอร์ขุดดิน เตรียมดิน และเครื่องคอมไบน์เกี่ยวข้าว บางพื้นที่อาจจะเห็นเกษตรกรใช้เครื่องดำนาอยู่บ้างแต่ยังไม่มากนัก รถแทรกเตอร์ และเครื่องจักรกลเหล่านี้ เจ้าของนามักจะใช้วิธีจ้างมาเป็นครั้งคราว เรียกว่าธุรกิจรับจ้างไถดิน รับจ้างเกี่ยวข้าวนี้รายได้ดีทีเดียว

มาถึงพ.ศ. นี้ ที่รัฐบาลกำลังเตรียมประเทศให้เข้าสู่ยุค “ไทยแลนด์ 4.0” พร้อมกับระดมสรรพกำลังด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้ในด้านต่างๆ ด้านการเกษตรก็ไม่น้อยหน้า กำลังจะผันตัวเองไปสู่การเป็น “เกษตรแม่นยำสูง” 
(Precision Farming) แน่นอนว่าความแม่นยำ ต้องอาศัยเครื่องมือ และกลไกทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย จึงมีผู้คิดค้นนำอากาศยานไร้คนขับมาใช้ในการทำไร่ทำนา

Cr images : www.pixabay.com

อากาศยานไร้คนขับ หรือที่เราเรียกกันว่า“โดรน” นั้น เป็นอากาศยานขนาดเล็ก ถึงขนาดใหญ่ บังคับโดยอุปกรณ์ควบคุมในระยะไกล คล้ายๆ เครื่องบินบังคับวิทยุประมาณนั้น เดิมทีใช้ในภารกิจของทหาร แต่ต่อมามีการนำมาใช้ในการถ่ายภาพมุมสูง ใช้ช่วยตรวจสภาพการจราจร สำรวจภัยพิบัติต่างๆ และใช้ในการขนส่งสินค้าสำหรับบริษัทที่ขายสินค้าออนไลน์ด้วย

จำได้ว่าน้ำท่วมภาคใต้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดรนของกรมชลประทานที่ใช้สำรวจพื้นที่ประสบอุทกภัยที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี บินหรือร่วงหายไปอย่างไร้ร่องรอย เดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ผู้บังคับเครื่องต้องตามหาจ้าละหวั่น เพราะโดรนนั้นราคา 1 ล้านบาท และเป็นของหลวง ถ้าหามาคืนไม่ได้มีหวังใช้หนี้หัวโต สุดท้ายมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยในพื้นที่เก็บมาคืนให้ รอดตัวไป...

โดรน DJI

เมื่อปี 2556 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาให้ข่าวว่า ภาควิชาฯ ได้ร่วมกับภาคเอกชน ร่วมกันสร้างอากาศยาน(เฮลิคอปเตอร์)ไร้คนขับมาใช้ทางการเกษตร พร้อมกับยืนยันว่า อากาศยานที่ว่านี้มีความแม่นยำสูงในการหว่านเมล็ดพืช การให้ปุ๋ย และการพ่นยาฆ่าแมลง ซึ่งจะลดการฟุ้งกระจายทำให้เกษตรกรหรือผู้ใช้งานลดปริมาณการใช้ปุ๋ย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการผลิต ลดความเสี่ยงในการใช้ยาฆ่าแมลง

ขณะเดียวกันก็เห็นบริษัทที่ร่วมงานกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ของ มก. เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ถึงประสิทธิภาพของเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับเพื่อใช้งานทางการเกษตรมาโดยตลอด จนล่าสุดเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็ยังมีการสาธิตใช้ฉีดพ่นสารกำจัดวัชพืชในไร่สับปะรดด้วย

ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่พยายามเผยแพร่การนำโดรนมาใช้ในการฉีดพ่นปุ๋ย หว่านเมล็ดพืช และฉีดพ่นสารเคมี สนนราคาของโดรนตั้งแต่ 8-9 หมื่นบาท จนถึง 4-5 แสนบาท ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแบกรับน้ำหนัก ขณะเดียวกันก็มีบริษัทที่รับจ้างใช้โดรนในการฉีดพ่นปุ๋ย และสารเคมีให้กับเกษตรกร รวมทั้งมีบางบริษัทที่พยายามเข้ามาเลียบๆ เคียงๆ หาทางร่วมโครงการกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วยเช่นกัน
Cr images : www.tweaktown.com

มีผู้เชี่ยวชาญของต่างประเทศทำนายว่า อีก 10 ปีข้างหน้า ภาคการเกษตรจะมีความต้องการใช้โดรนมากขึ้น อาจถึง 80% ของการใช้โดรนในภารกิจต่างๆ ทั้งหมดเลยทีเดียว

สำหรับประเทศไทย คงต้องพิจารณาการใช้โดรนให้รอบคอบ โดยเฉพาะการใช้ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช วัชพืชต่างๆ เพราะพื้นที่การเกษตรของไทยมักจะอยู่ภายในชุมชน หรือมีชุมชนอยู่โดยรอบ แถมยังใกล้กับแหล่งน้ำ การฉีดพ่นในระดับสูงจะทำให้สารเคมีฟุ้งกระจายไปไกล เป็นอันตรายต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรฯ ควรพิจารณาให้รอบคอบ และมีมาตรการป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ อย่ารอให้วัวหายแล้วมาล้อมคอกจะดีกว่า เดี๋ยวไทยแลนด์ 4.0 จะเหลือแค่ 0.4

แว่นขยาย 
ที่มาของข่าว: แนวหน้า

ข่าวอื่นๆ

+ แผนผังเว็บไซต์ แผนผังเว็บไซต์

ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย


อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ชั้น 1-2
ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 (แผนที่)
โทรศัพท์ 02-7136290-2, 02-713-6547-50, 02-7124402-7 ต่อ 211-213


ภายใต้งบประมาณการสนับสนุน
จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
Copyright © 2015 Iron and Steel Institute of Thailand.