พูดกันมานานกับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ยุค 4.0 ด้วย “เทคโนโลยี”...“นวัตกรรม” แต่ที่ผ่านมาทุกอย่างยังไม่เห็นแม้แต่ “แสงสว่างปลายอุโมงค์” บทสรุปในทางปฏิบัติก็คือว่า...ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน เพราะยุคอุตสาหกรรม 4.0 แท้จริง ...ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะกับ “ภาคอุตสาหกรรมไทย” ที่กว่า ร้อยละ 90 เป็นธุรกิจประเภท “เอสเอ็มอี”...กับการต่อยอดให้ไปถึงดวงดาวโลกยุค 4.0 จะปักธง ...เริ่มต้นกันยังไงให้เดินหน้าไปถึงจุดนั้นได้
สถานการณ์ที่เป็นอยู่ทั้ง “ภาครัฐ” และ “ภาคเอกชน” ที่ต่างร่วมกันขับเคลื่อน เน้นย้ำให้เดินหน้าต่อยอดภาคอุตสาหกรรมไทย บนแนวทาง “ไทยแลนด์ 4.0” กับการประชุมร่วมกันครั้งล่าสุด ที่คาดหวังกันว่าจะปฏิวัติพลิกโฉมเอสเอ็มอีไทย ให้ก้าวไปในยุคแห่งนวัตกรรมได้ในบัดดล
หัวเรือใหญ่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จับมือแข็งขันกับ อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในการประชุมคณะกรรมการสานพลังประชารัฐ กลุ่ม D2 ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการใหม่ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เมื่อไม่นานมานี้
ทั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ผลักดันขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมเอสเอ็มอีชุดใหม่ตามแนวทางประเทศไทย 4.0 ให้เป็นรูปธรรมให้ได้
จุดประกายความหวังด้วยการอัดฉีดมาตรการต่างๆ ทั้ง...สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ทั้ง...เงินแบบให้เปล่าสารพัด ปักธงจัดทัพเสริมแกร่งเอสเอ็มอี มุ่งหมายให้เดินหน้าไปถึงยุค 4.0 ให้จงได้
แต่แน่นอนว่า “เอสเอ็มอีไทย” กับการก้าวสู่ “ยุค 4.0” นอกจากมาตรการขับเคลื่อนที่ว่ามาแล้ว สิ่งที่จะต้องจับต้องและเห็นภาพได้ชัดเจน เป็นรูปธรรมสำหรับเอสเอ็มอีไทย ย่อมหนีไม่พ้นสองปัจจัยที่กล่าวไปแล้วตั้งแต่ต้น ซึ่งก็คือ “นวัตกรรม” กับ “เทคโนโลยี”
โดยเฉพาะเรื่องของเครื่องจักรเครื่องกลสมัยใหม่ ในยุคที่เรียกว่า “ยุคเครื่องจักรแนวโรบอท” รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัล
ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะมีคำถามสำคัญว่า...เรื่องของเครื่องไม้เครื่องมือนำพาสู่ยุค 4.0 แบบตรงๆ จะหาได้จากไหน? คำตอบ...ที่จะนำเอสเอ็มอีไทยสู่ยุค 4.0 อยู่ตรงนั้น พร้อมๆไปกับเป้าหมายการขยับไปสู่ความเป็น “ศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน” ที่ไทยเดินหน้ามาไกลแล้ว ...มีอีกเป้าหมายก็อยู่ที่ตรงนั้น
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อธิบายว่า ทางรัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายชัดเจนเรื่องไทยแลนด์ 4.0 เอสเอ็มอี 4.0 และอินดัสทรี 4.0 ก็จะมีการปรับแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเน้นดูแลทุกขนาด ทุกสถานะ...มีเม็ดเงินในส่วนของการสนับสนุนจากภาครัฐในการขับเคลื่อนเอสเอ็มอีรวมถึง 38,000 ล้านบาท
“เอสเอ็มอีไทยต้องทยอยพัฒนาตัวเอง ทางกระทรวงมีการปรับเครื่องมือที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อยกระดับเอสเอ็มอี โดยมีอินดัสเทรียลทรานฟอร์เมชั่นเซ็นเตอร์ ที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยให้ขยับเดินหน้าไปสู่ยุค 4.0 ให้ได้”
ในส่วนสำคัญที่สุดที่เป็นต้นทางคือ กระบวนการผลิต ที่เอสเอ็มอีไทยจะต้องเร่งปรับตัว ยกตัวอย่างให้เห็นภาพอย่างเรื่องของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ที่อนาคต...ถ้าจะเพิ่มมูลค่าได้ ก็ควรจะต้องก้าวไปถึงชิ้นส่วนอากาศยาน ชิ้นส่วนเครื่องมือทางการแพทย์ หรือต่อยอดไปในเรื่องอื่นๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น...แน่นอนว่าทั้งหมดจะต้องมีเรื่องของเครื่องจักรเครื่องกลเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องพัฒนาทั้งในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมควบคู่กันไปด้วยสำหรับการยกระดับในส่วนนี้
ฉายภาพสำคัญในยุค 4.0 ที่จะมีเรื่องของ “ออโตเมชั่นโรบอท” เข้ามาเกี่ยวข้อง เอสเอ็มอีไทยจะมาใช้กระบวนการผลิตแบบเดิมๆคงไม่ได้ เพราะนอกจากเรื่องของออเดอร์และวอลุ่ม...ที่ต้องชัดเจนแล้ว เรื่องของมาตรฐาน คุณภาพยังเป็นเรื่องสำคัญ แน่นอนว่าตรงนี้เครื่องไม้เครื่องมือ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง
ดร.พสุ ย้ำว่า กรมส่งเสริมอุตฯ ในส่วนของอินดัสเทรียลทรานฟอร์เมชั่น เซ็นเตอร์ จะมีการออกบูธในงานอินเตอร์แมค 2017 และซับคอนไทยแลนด์ 2017 ซึ่งถือเป็นงานใหญ่กับการแสดงเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องจักรกลในยุค 4.0 และจะเป็นงานที่ยกระดับเอสเอ็มอีไทยให้เข้าใกล้กับจักรกลยุคโรบอท...ยุคดิจิทัล
เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่ “อุตสาหกรรมยุค 4.0” เลยทีเดียว
ขอเชิญผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผู้มีวิชั่นก้าวไปสู่ยุค 4.0 ไปพร้อมๆกัน ในงาน “อินเตอร์แมค 2017 และซับคอน ไทยแลนด์ 2017” งานแสดงอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตเพื่อการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและงานจับคู่ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จะจัดร่วมกับงานอินเตอร์แมค 2017 ระหว่างวันพุธที่ 17-วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม 2560 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆรอท่านอยู่...จะเป็นทั้งความหวัง เป็นกุญแจและบานประตูสู่อนาคต และเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์สำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเอสเอ็มอีไทยที่กำลังจะก้าวสู่ยุค 4.0
ภาครัฐพร้อมใจภาคเอกชน วาดหวังกันว่า...สองงานช้างแห่งปีนี้จะเป็น...กุญแจไขบานประตูสู่เอสเอ็มอีไทยในยุค 4.0 เป็นก้าวสำคัญกับการเดินหน้าปฏิวัติภาคอุตสาหกรรมไทยในอนาคต
หิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสริมว่า จากความพร้อมทั้งทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายรัฐบาลภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่มุ่งเน้นการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมขั้นสูงและสามารถเชื่อมโยงไปยังอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตได้เป็นอย่างดี
“อุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตสามารถสร้างมูลค่าให้กับประเทศ เป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปี และส่วนใหญ่ผู้ประกอบการนั้นเป็นระดับเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจไทย”
“บีโอไอ” มีแผนที่จะสนับสนุนการลงทุน พัฒนาอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตด้วยแผนมากมาย ทั้งการจับคู่ธุรกิจ การส่งเสริมการออกงาน การสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดธุรกิจจากการใช้เทคโนโลยี...นวัตกรรมใหม่ๆ
หิรัญญา บอกว่า จากแผนงานที่จะสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางซับคอนในภูมิภาค ทางบีโอไอได้ร่วมกับบริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด และสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย จัดงานซับคอนขึ้นในไทย”อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ...รวมถึงโอกาสในการร่วมทุนกับผู้ประกอบการระดับโลก
ตั้งเป้าที่จับคู่ธุรกิจ 6,000 คู่...เกิดธุรกรรมทางธุรกิจมูลค่าไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ด้วยภายในงานจะมีผู้ผลิตชิ้นส่วนจากไทยร่วม 400 ราย...ต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และมีผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า 25,000 ราย
สรรชาย นุ่มบุญนำ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารโครงการ ยูบีเอ็ม เอเชียฯ บอกว่า งานอินเตอร์แมค 2017 และซับคอนไทยแลนด์ 2017 จัดเป็นปีที่ 11 แล้ว ถือว่าเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
รวมเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะ การจัดแสดงเครื่องจักรกล...อุปกรณ์เพื่ออุตสาหกรรมการผลิตกว่า 1,200 แบรนด์ จาก 45 ประเทศ ปีนี้มีเครื่องจักรและอุปกรณ์กว่า 150 ชนิดมาเปิดตัวรุ่นล่าสุดเป็นครั้งแรกในภูมิภาคนี้
เอสเอ็มอีไทย...จะก้าวข้ามไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เดินหน้าเป็นฮับอุตสาหกรรม 4.0 แห่งอาเซียนอย่างเต็มตัว ต้องติดอาวุธให้พร้อม เพื่อเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคง.