นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มีการออกกฎกระทรวง กำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ.2560 โดยยกเลิกกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องเดิม ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2532 และกำหนดค่าธรรมเนียมใหม่เพิ่มขึ้น 20% หลังไม่ได้ปรับมาเป็นเวลา 28 ปี เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและภาระต้นทุนการให้บริการ ที่ในอนาคตจะอนุญาตให้เอกชน (เติร์ดปาร์ตี้) เข้ามาช่วยตรวจสอบเครื่องจักร โดยก่อนออกกฎกระทรวงดังกล่าว ได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มเรียบร้อยแล้ว
สำหรับตัวอย่างค่าธรรมเนียมใหม่ เช่น ค่าจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร สำหรับเครื่องจักรซึ่งมีมูลค่าเกินห้าแสนบาท คิด
เครื่องละ 750 บาท ถ้าจดทะเบียนหลายเครื่อง จัดเก็บสูงสุดไม่เกินเพดาน 12,000 บาท (จากเดิมเครื่องละ 500 บาท หลายเครื่องเก็บสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท) ค่าจดทะเบียนการจำนอง หรือขายฝากเครื่องจักร คิดพันละ 1 ของจำนวนเงินที่จำนองหรือขายฝาก สูงสุดไม่เกิน 120,000 บาท (จากเดิม 100,000 บาท) ค่าจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร เครื่องละ 100 บาท หากมีหลายเครื่องในคราวเดียว ไม่เกิน 2,000 บาท (จากเดิมคิดต่อเล่ม เล่มละ 100 บาท) เป็นต้น
“อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการสามารถแปลงเครื่องจักรเป็นหลักทรัพย์เพื่อนำไปขอกู้เงินจากธนาคารได้ หากมีการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรไว้ โดยสามารถยื่นได้ที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด (สอจ.) หรือกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ถ้าเอกสารครบถ้วนกระบวนการจะใช้เวลาไม่เกิน 10 วันทำการเท่านั้น ก็จะสามารถนำเอาหลักฐานไปติดต่อกับธนาคารได้ โรงงานในไทยมีเครื่องจักรถึง 10 ล้านเครื่อง ที่ผ่านมาเพิ่งมีการจดทะเบียนจำนองเครื่องจักรไปได้เกือบ 9 แสนเครื่อง โดยมีวงเงินประมาณ 5.8 ล้านล้านบาท ในวงเงินจำนวนนี้เป็นเครื่องจักรของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จดจำนอง คิดเป็นมูลค่า 80% และของเอสเอ็มอีมูลค่าเพียง 20% เท่านั้น” นายสมชาย กล่าว
พร้อมกันนี้ นายสมชาย ยังแนะนำ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรนำเครื่องจักรในโรงงานมาจดทะเบียน เพื่อเป็นหลักทรัพย์ในการขอสินเชื่อ ขณะที่เครื่องจักรยังสามารถประกอบการผลิตได้เหมือนเดิมดีกว่าการใช้ที่ดินค้ำประกัน