นายขัติยา ไกรกาญจน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยหลังการลงนามความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท แอดวานซ์เทค จากไต้หวัน กับ สอท. ว่า ในขณะนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีจะต้องยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 เนื่องจากประเทศคู่แข่ง เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน สหรัฐ ต่างก็เร่งยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 แล้วทั้งสิ้น หากผู้ประกอบการไทยไม่ปรับตัวก็ไม่สามารถต่อสู้ในตลาดโลกได้
ทั้งนี้จากการสำรวจอุตสาหกรรมของไทย พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับอุตสาหกรรม 2.0 โดยขั้นแรกตั้งแต่ปี 2559-2563 จะยกระดับกลุ่มอุตสาหกรรม 2.0 ไปสู่ 3.0 โดยจะปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตไปสู่ระบบอัตโนมัติให้ได้มากกว่า 75% ของเครื่องจักรการผลิตทั้งหมด และเครื่องจักรอัตโนมัตินี้จะต้องมีอุปกรณ์เซ็นเซอร์ประมวลผลข้อมูลการทำงานของเครื่องจักรไปยังส่วนกลางได้
“การปรับเปลี่ยนดังกล่าวหากเป็นโรงงานที่เป็นเครื่องจักรโบราณไม่ได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ก็จะใช้เงินลงทุนในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรถึง 50% ของทุนจดทะเบียนเครื่องจักร มาเป็นเครื่องจักรสมัยใหม่ที่มีระบบเซ็นเซอร์ส่งข้อมูลไปยังฐานข้อมูลส่วนกลางได้ ซึ่งภาครัฐก็มีกองทุนเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการในส่วนนี้” นายขัตติยากล่าว
นอกจากนี้ สอท. ได้ประสานงานกับสถาบันไทย-เยอรมัน ในการจัดหาผู้ออกแบบระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์(เอสไอ) เข้ามาช่วยเป็นที่ปรึกษาวางระบบให้กับผู้ประกอบการด้วย
นายเชนนี่ โฮ ประธานกลุ่มบริษัท แอดวานซ์เทค จากไต้หวัน กล่าวว่า การลงทุนในอุตสาหกรรม 4.0 ไม่ใช่ของใหม่ ซึ่งหากโรงงานใดมีเครื่องจักรอัตโนมัติอยู่แล้วก็ใช้เงินลงทุนไม่มาก มีเพียงการติดตั้งเพิ่มเติม อาทิ ระบบเซ็นเซอร์