กระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงตัวเลขส่งออกปี 2559 พบว่าสามารถเป็นบวกได้ โดยขยายตัวร้อยละ 0.45 ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามที่หลายหน่วยงานที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขส่งออกจะติดลบเล็กน้อยหรืออาจขยายตัว 0%
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นกรณีที่ ตัวเลขการส่งออกของ กระทรวงพาณิชย์ ที่แถลงออกมาดีว่า เป็นผลมาจากการส่งออกในเดือนธ.ค. 2559 ขยายตัวได้ 6% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้ทั้งปี 2559 ขยายตัวได้ 0.45%
ขณะที่ในปี 2560 ประมาณการส่งออกว่าจะขยายตัวได้ 2.5-3.5% โดยมองว่า การส่งออกที่กลับมาขยายตัวได้นั้น เกิดจากราคาสินค้าเกษตร และโภคภัณฑ์ขยายตัวดี และสะท้อนว่าเศรษฐกิจโลก อยู่ในช่วงของการฟื้นตัว
“เรามองว่า ตัวเลขการส่งออกของเรานั้น เป็นข่าวดี เพราะถือว่าเติบโตเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากเวียดนาม ทำให้เรามองว่า ส่งออกจะกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในปี 2560”นายกอบศักดิ์ กล่าว
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า การที่ส่งออกปี 2559 สามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ถือว่าเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยปี 2559 สามารถขยายตัวร้อยละ 0.45 ด้วยมูลค่า 215,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นระดับที่น่าพอใจ ทำให้ไทยเป็นประเทศที่การส่งออกขยายตัวสูงสุดเป็นอันดับ 8 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน แม้ว่าภาพรวมการค้าของโลกยังชะลอตัว โดยการขยายตัวของการส่งออกได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น ทำให้คู่ค้าหลายประเทศเริ่มมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการปรับแผนส่งออกในการหาตลาดใหม่ และรักษาตลาดเดิม ทำให้การค้าทั้งตลาดหลักและตลาดอื่นยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการส่งออกปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 2.5-3.5 และหากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ากลับมาขยายตัวดีขึ้นมากมีโอกาสที่การส่งออกจะขยายตัวถึงรัอยละ 5 เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นอยู่ในกรอบ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รวมถึงแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอยู่ในช่วง 35.5-37.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตัวเลขการส่งออกปี 2559 และปีนี้ได้รายงานให้ นายกรัฐมนตรี รับทราบแล้ว
โดยตัวเลขประมาณการส่งออกปีนี้ยังไม่ได้รวมความเสี่ยงนโยบายของสหรัฐ โดยเฉพาะนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ ที่ยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงต่อไทย โดยนโยบายสหรัฐที่อาจกีดกันการค้าจีนกับเม็กซิโกจะกระทบมายังไทย ขณะเดียวกันหากจีนถูกสหรัฐกดดันอาจทำให้จีนต้องปรับการลงทุนมายังเอเชียและอาเซียนมากขึ้น รวมทั้งการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศของสหรัฐน่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าในกลุ่มอาหารของไทย นอกจากนี้ มั่นใจว่าสหรัฐไม่น่าจะถอนการลงทุนจากไทย
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.การจัดตั้งบริษัทจำกัดคนเดียว พ.ศ.... โดยการจัดทำร่างฯดังกล่าวนั้น เนื่องจากรัฐบาลต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการเริ่มต้น และหวังว่าจะเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว
ทั้งนี้ การจัดตั้งบริษัทในรูปแบบดังกล่าวนั้น กำหนดว่า 1 คน สามารถได้ 1 บริษัทเท่านั้น และกรณีที่บริษัทต้องเลิกกิจการ ควรมีกรรมการชั่วคราวเพื่อความต่อเนื่องของกิจการ ส่วนในขั้นตอนต่อไปนั้นจะส่งร่างให้คณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นผู้พิจารณาต่อไป