นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง,นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรมร่วมหารือกับ นายสมชาย หาญหิรัญ ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธพว.และผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.)บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)และผู้แทนสมาคมธนาคารไทย เพื่อประชุมแนวทางบูรณาการพัฒนา SMEs ตามแนวประชารัฐ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการหารือแนวทางการบูรณาการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐโดยในปีนี้ รัฐบาลจะเน้นนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามกลุ่มจังหวัดให้มากขึ้น โดยจะร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ หรือแบงก์รัฐ และมหาวิทยาลัย หอการค้าจังหวัด ภาคเอกชน ในการปรับโครงสร้างจากส่วนกลางให้กระจายความช่วยเหลือและสนับสนุนพัฒนาเอสเอ็มอีไปตามภูมิภาค
นอกจากนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรม จะร่วมกันจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เพื่อพัฒนาและผลักดันเอสเอ็มอี ให้เกิดผู้ประกอบการอย่างเต็มพื้นที่ รวมถึงจะต้องทำอย่างไรให้นักศึกษาจบใหม่เกิดการตื่นตัวในการทำธุรกิจการค้า โดยอนาคตหากมีปัญหาสามารถเข้ามาปรึกษาและขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่ช่วยเหลือด้านเอสเอ็มอีได้
“กองทุนจะเน้นเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ เพื่อสร้างเศรษฐกิจบนฐานผู้ประกอบการการ โดยสถาบันการเงินที่เข้าร่วมจะต้องมีแผนงานเพื่อสนับสนุนให้เด็กตื่นตัว และเข้าช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนการให้สินเชื่อนอกจากอุตสาหกรรม แต่ต้องมาดูภาคการเกษตรที่มีจำนวน 20-30 ล้านราย ภาคบริการและภาคการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ให้มีศักยภาพและเดินต่อได้ส่วนธนาคาร เช่น ออมสิน และกรุงไทย จะต้องสนับสนุนและผลักดันให้เด็กจบใหม่อยากกลับไปทำธุรกิจที่บ้านเกิด ไม่ใช่เข้ามาอยู่แต่ส่วนกลาง ซึ่งจะเป็นการกระจายเศรษฐกิจไปยังภูมิภาคมากขึ้น”
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในวันที่ 17 มกราคมนี้จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากงบกลางวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี ในเขตพื้นที่และชุมชนตามกลุ่มจังหวัดต่างๆ โดยคาดว่าจะจัดตั้งกองทุนดังกล่าวได้ภายใน 2 เดือน ขณะเดียวกันภายใน 2 สัปดาห์นี้ จะมีการหารือระหว่างสถาบันการเงินทั้งธพว. ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย บสย. จัดหาแพ็กเกจช่วยเหลือพัฒนาและสนับสนุนเอสเอ็มอีตามกลุ่มจังหวัดเพิ่มเติมนอกเหนือจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯ
สำหรับกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯจะตั้งเป้าหมายใน 3 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มเริ่มทำธุรกิจซึ่งมีแนวคิดอยู่แล้ว แต่ไม่มีเงินทุน 2.กลุ่มต้องการเปลี่ยนแปลงเครื่องมือเครื่องจักร อัพเกรดซอฟต์แวร์ และ 3.กลุ่มที่มีศักยภาพแต่มีปัญหายอดขายลดลงโดยอาจจะออกมาเป็นมาตรการเพื่อให้ความช่วยเหลือ
ทั้งนี้กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯ จะมุ่งเน้นพัฒนาเอสเอ็มอีโดยเริ่มจากชุมชนและจัดตั้งหน่วยงานในพื้นที่ผ่านการรับมอบนโยบายจากส่วนกลางซึ่งการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนจะพิจารณาตามศักยภาพในแต่ละพื้นที่ว่ามีความเหมาะสมกับอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีประเภทใด โดยเบื้องต้นหน่วยงานตามกลุ่มจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นจะเป็นผู้กลั่นกรองผู้ประกอบการก่อนเสนอมายังส่วนกลางเพื่ออนุมัติ ขณะเดียวกันอาจช่วยเหลือในเรื่องอื่นๆ เช่น การทำบัญชี ไม่ใช่เฉพาะเงินทุนเงินเพียงอย่างเดียว